อุทยานแห่งชาติหุบเขามรณะ ร้อนจัด ทำนักท่องเที่ยวไบค์เกอร์ดับ 1 ราย
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวแอลเอไทม์สเมื่อวานนี้ (8 กรกฏาคม 2567) ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นิโคล แอนด์เลอร์ ประจำพื้นที่อุทยานแห่งชาติหุบเขามรณะ (Death Valley) แถลงถึงกรณีมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตสืบเนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด โดยเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ แอนด์เลอร์ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาราวเที่ยงวันจนถึงบ่ายของวันเสาร์ที่ผ่านมา
กลุ่มผู้ขี่มอเตอร์ไซค์กลุ่มนี้กำลังเที่ยวชมพื้นที่ในอุทยานใกล้กับบริเวณของแบดวอเตอร์เบซิน ซึ่งเป็นทะเลสาบเกลือซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของพื้นดินในทวีปอเมริกาเหนือ และได้รับผลกระทบจากอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งกำลังเป็นปัญหาในหลายพื้นที่ของสหรัฐในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่อมา พบว่าสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มเสียชีวิตในพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่สมาชิกอีกคนหนึ่งป่วยหนักเนื่องจากสภาวะอากาศที่ร้อนจัด และต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลในลาสเวกัส ขณะที่สมาชิกทัวร์อีก 4 คนมีอาการป่วยไม่มากนัก เพียงรับการรักษาตามอาการก็ฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อของผู้ตายและสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง
เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยทีมชันสูตรของทางการ แอนด์เลอร์ ยังชี้แจงต่อไปว่าเมื่อวานนี้อากาศร้อนจัด ช่วงที่เกิดเหตุอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส (123 องศาฟาเรนไฮต์) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดประจำวันของเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหุบเขามรณะ อีกทั้งสมาชิกทัวร์กลุ่มนี้ยังเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งไม่ใช่ยานพาหนะที่มีแอร์หรือระบบให้ความเย็นที่สามารถบรรเทาความร้อนของอากาศได้ และอากาศที่ร้อนจัดยังเป็นอุปสรรคต่อทีมช่วยเหลือ เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ของทีมแพทย์จะไม่สามารถบินเข้าไปในพื้นที่
ถ้าหากอุณหภูมิสูงกว่า 48 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้อากาศขยายตัวและมีความหนาแน่นน้อยลง ทำให้ไม่มีแรงส่งตัวหรือแรงยกเฮลิคอปเตอร์ขณะขึ้นบิน อุณหภูมิของวันเกิดเหตุนั้นต่ำกว่าสถิติอุณหภูมิสูงสุดของหุบเขามรณะ ซึ่งคือ 56.6 องศาเซลเซียส (134 องศาฟาเรนไฮต์) เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2456 นับตั้งแต่เริ่มมีการจดบันทึกสถิติในปี 2454 มา อุณหภูมิของพื้นที่อุทยานแห่งนี้เคยสูงเกิน 54.4 องศาเซลเซียส (130 องศาฟาเรนไฮต์) เพียง 3 ครั้งเท่านั้นเอง