อีกแล้ว”ตัวตึงท่าวัง ภาค2” ขอ - ไถเงินก่อกวนชาวบ้าน
อีกแล้ว ” ตัวตึงท่าวัง ภาค2 " ก่อกวนชาวบ้าน หลังถูกจับรอบหนึ่ง
หลังจากสื่อโซเซียลมีการโพสต์ภาพและข้อความเตือนว่ามีชายเดินถือมีดไถเงินชาวบ้านย่านตลาดท่าวัง ต.ท่าวัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช จนเป็นที่หวาดผวาของปนระชาชนทั่วไปและมีการร้องขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาจัดการแก้ไขจับกุมชายคนดังกล่าวไปเสียเพราะเกรงว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์จะได้รับอันตรายได้นั้น
ล่าสุดเวลา10.00 น.วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ที่บริเวณสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายอธิราช โรจน์ดวง ปลัดอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช,นายธวัช ศรีสมานุวัตร หรือ สท.เอ๊กซ์ สท.เทศบาลนครนครศรีธรรมราช มีการสนธิกำลัง จนท.ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เทศกิจ และจนท. พ.ม.นครศรีธรรมราช พูดคุยแก้ปัญหาดังกล่าวทันที
โดยเบื้องต้น จนท.ทำการตรวจสอบทราบว่าชายคนดังกล่าวชื่อนายมู อายุ 33 ปี ชาว จ.นราธิวาส แต่
ที่อยู่ตามบัตรประชาชน หมู่ 1 ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จากการตรวจสอบพบว่านายมู เมื่อประมาณวันที่ 26ธค.2566ที่ผ่านมา เคยก่อเรื่องตระเวนก่อกวนไถเงินชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้หญิงย่านตลาดท่าวังมาครั้งหนึ่งแล้ว จนมีชาวบ้านนำไปโพสแชร์คลิปนายมู ขณะก่อเหตุก่อกวนชาวบ้านจนเป็นได้รับฉายาว่า”ตัวตึงท่าวัง” สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในรอบหนึ่งแล้ว
และเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช สนธิกำลังตำรวจ ฝ่ายปกครองและเทศกิจทำการจับกุมนายมู แล้วครั้งหนึ่ง และคุมตัวสอบสวนให้การไม่ค่อยรู้เรื่อง ก่อนตำรวจจะคุมตัวนายมู ส่งบำบัดรักษาเบื้องต้นและส่งเข้าศูนย์คนไร้ที่พึ่งจ.นรครศรีธรรมราช แต่ปรากฏว่านายมู ออกมา เมื่อ 2 - 3 วัน ที่ผ่านมานายมู หรือ”ตัวตึงท่าวัง”ออกมาอาละวาดก่อกวนชาวบ้านในพื้นที่ ต.ท่าวัง อีกครั้ง โดยมีชาวบ้านถ่ายภาพถือมีดเดินเพ่นพ่านอยู่บนถนนราชดำเนินอย่างน่าหวาดเสียว
ล่าสุดเวลา 11.00 น.วันที่ 2 กรกฎาคม2567 ตำรวจ ฝ่ายปกครองและเทศกิจ พบตัวนายมู เดินอยู่บริเวณริมถนนราชดำเนิน สี่แยกวัดคิด จึงจับกุมตัวได้อย่างละม่อมมาสอบสวนในเบื้องตันยังให้การปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ก่อกวนไถเงินชาวบ้านแต่อย่างใด ขอให้ปล่อยตัวตนไปเถอะ แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อก่อนคุมตัวนายมูฮัมมัดชูวันฯส่งเข้ากระบวนบำบัดรักษาที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช และจากนั้นจะได้ส่งตัวเข้าศูนย์คนไร้ที่พึ่งตามขั้นตอนต่อไปและจะได้ติดต่อญาติมาพูดคุยเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป.