หน้างอคอหัก กับปลาทูในทะเลไทยที่หายไป
ปลาทูหน้างอคอหัก เป็นปลาทูที่ขึ้นชื่อของแม่กลอง แต่ปัจจุบันนี้แทบไม่มีให้เห็นกันแล้ว เพราะในปัจจุบันปลาทูที่ขายอยู่ตามตลาด ร้อยละ 90 ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งมาทั้งจาก ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ไปจนถึง อินเดีย หรือปากีสถาน จริงๆแล้วสถานการณ์ของปลาทูไทย เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤติมานานแล้ว ในพ.ศ.2561 เราสามารถจับปลาทูได้เพียง หนึ่งหมื่นหนึ่งพันตัน ซึ่งมีจำนวนลดลงจาก พ.ศ.2554 กว่า 10 เท่า และเมื่อเทียบกับความต้องการในการบริโภคปลาทูของคนไทยที่เฉลี่ยแล้วมากกว่า สี่แสนตันต่อปี ก็เรียกได้ว่าจำนวนปลาทูที่เป็นของไทยเราจริงๆ
มีน้อยกว่าความต้องการของตลาดอยู่มาก จึงจำเป็นต้องนำเข้ามาจากประเทศต่างๆ ปัจจัยที่ทำให้จำนวนปลาทูไทยลดลง มีอยู่หลายสาเหตุ มีทั้งเหตุจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และพฤติกรรมของมนุษย์ การที่น้ำทะเลร้อนขึ้น ก็มีส่วนทำให้อัตราการเกิดของปลาทูลดลง และทำให้ขนาดของปลาทูเล็กลง เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลให้กระแสน้ำแปรปรวน จนกระทบต่อวงจรชีวิตของปลาทู ไปจนถึงความอุดมสมบูรณ์ของห่วงโซ่อาหารในทะเล
ยังมีปัจจัยที่มนุษย์เป็นต้นเหตุโดยตรงอย่าง การทำประมงเกินขนาด ที่มีการใช้อวนตาถี่ หรือเรือปั่นไฟเพื่อล่อปลาเข้ามาให้ติดอวน ซึ่งทำให้ลูกปลาทูตัวเล็กๆ ติดไปด้วย จึงทำให้มีลูกปลาจำนวนไม่น้อยถูกนำไปบริโภคก่อนจะโตเต็มวัย และยังมีการทำลายถิ่นที่อยู่ของสัตว์ทะเล หรือการพัฒนาพื้นที่อย่างไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ในตอนนี้รัฐก็มีมาตรการปิดอ่าว ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอ่าวไทยรูปตัว ก ไม่ให้มีการทำประมงเชิงพาณิชย์ได้ ในช่วงที่ปลาทูวางไข่และอพยพ เพื่อรักษาจำนวนประชากรไม่ให้ลดลงไปอีก สุดท้ายเรายังคงต้องติดตามแนวทางการแก้ไขเชิงนโยบายและมาตราการรัฐต่างๆ ว่าจะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะทำให้ประชากรปลาทูไทยกลับมาอุดมสมบูรณ์หรือไม่ต่อไป