อิสราเอลยอมรับว่า มัดคนเจ็บชาวปาเลสไตน์ไว้บนกระโปรงหน้ารถและขับออกไปจริง
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวานนี้ (22 มิถุนายน 2567) ว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ยอมรับว่าทหารของพวกเขาละเมิดหลักปฏิบัติ ด้วยการมัดชายชาวปาเลสไตน์ซึ่งได้รับบาดเจ็บเอาไว้บนฝากระโปรงหน้ารถจี๊ป ระหว่างออกปฏิบัติการบุกจู่โจมที่เมืองเจนิน ในเขตเวสต์แบงก์
โดยคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังเป็นที่พูดถึงและถูกแชร์อย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ ซึ่ง IDF ออกมายืนยันอย่างรวดเร็วว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง โดยชายคนนี้เป็นผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ โดยระหว่างปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายเพื่อจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ทางการต้องการตัวในย่าน วาดี บูร์คิน (Wadi Burqin) ผู้ก่อการร้ายได้ยิงปืนเข้าใส่ทหาร IDF ซึ่งยิงตอบโต้กลับไป” IDF ระบุในแถลงการณ์ ระหว่างการยิงปะทะ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยได้รับบาดเจ็บและถูกจับกุม
ผู้ต้องสงสัยถูกทหารจับกุมตัวและมัดไว้กับกระโปรงหน้ารถยนต์ ซึ่งเป็นการละเมิดคำสั่งและมาตรฐานของกระบวนการปฏิบัติการ IDF ระบุต่อ การกระทำของทหารในวิดีโอนี้ไม่ได้สอดคล้องกับค่านิยมของ IDF เหตุการณ์นี้จะได้รับการสืบสวนและจัดการตามกฎข้อบังคับ ทั้งนี้ผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ชายคนนี้เป็นชาวบ้านท้องถิ่นชื่อว่า มูจาฮิด อาซมี ขณะที่ครอบครัวของเขาอ้างว่าพวกเขาขอให้เจ้าหน้าที่เรียกรถพยาบาล แต่จู่ๆ ทหารก็จับตัวเขามัดบนกระโปรงหน้ารถจี๊ปแล้วขับออกไปเลยโดยไม่สนใจคนเจ็บ . . . นี่เป็นการละเมิดหลักปฏิบัติต่อเชลยในสงคราม และต้องมีการสืบสวนเรื่องนี้