งานเข้า! ชาวบ้าน อ.หัวไทรบุกศาลากลางแฉจ่ายส่วย ท้าแน่จริงกล้าจับบ่อนชนวัวทั่วจังหวัดหรือไม่-หลังบุกจับชนวัวในประเพณี

ชาวบ้านอ.หัวไทรบุกศาลากลางแฉจ่ายส่วย ท้าแน่จริงกล้าจับบ่อนชนวัวทั่วจังหวัดหรือไม่-หลังบุกจับชนวัวในประเพณี  

 บ่อนซ้อมโคเป็นเหตุ ชาวบ้านหัวไทรเดือด บุกศาลากลางเมืองคอน ร้องขอความเป็นธรรมถูกปลัดอำเภอนำกลังบุกจับบ่อนซ้อมขนวัวประเพณี -โวยเลือกปฎิบัติ 2 มาตรฐานท้ากล้าไหให้จับทุกบ่อนซ้อมทั้งจังหวัดที่ผ่านมาทุกแห่งจ่ายตั้งแต่ 20,000-50,000 บาท จริงหรือไม่

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 บริเวณลานวัด (ออก) ศาลาแก้ว ม.3 ต.หัวไทร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้มีกลุ่มชาวบ้านกว่า 100 คน ได้เดินทางมารวมตัวกัน นำโดย นายชาตรี เพชรแก้ว ตัวแทนชุมชน เพื่อหาข้อสรุปถึงการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอหัวไทรและปลัดป้องกันอำเภอหัวไทร ก่อนเดินทางมายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับ ศูนย์ดำรงธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และยุติธรรมจังหวัด กระทรวงยุติธรรม

โดยมีนายไตรรัตน์ ไชยรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รับเรื่องและเชิญผู้ร้องเรียนเขาพบรับทราบข้อมูลรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้น

  นายชาตรี กล่าว เนื่องจากนายอำเภอและปลัดอำเภอได้นำกำลังเพื่อเข้าขัดขวางการจัดกิจกรรมงานประเพณีสมโภชขวัญข้าว เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้กิจกรรมประเพณีสมโภชขวัญข้าวไม่บรรลุวัตถุประสงค์เหมือนอดีตที่ผ่านมา ซึ่งพฤติกรรมการปฎิบัติหน้าที่ของอำเภอหัวไทรขัดขวางกิจกรรมที่ปฎิบัติกันติดต่อกันตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด ทำให้ชาวบ้านสงสัยว่า ก่อนหน้านี้ทำไมจัดได้ และวันนี้ถึงจัดไม่ได้ พฤติกรรมนายอำเภอหัวไทรและปลัดปล่อยปละละเลยหรือเลือกละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ใช่หรือไม่ โดยเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567

ที่ผ่านมามีการชนโคขึ้นที่สนามซ้อมโคตำบลแหลม และมีการเล่นพนัน โดยใช้ชื่อ "ศึกษาราชสีห์เพื่อการกุศล" พร้อมทั้งมีกิจกรรมประเพณีในพื้นที่ดังกล่าว แต่นายอำเภอไม่จับ คืออะไร ชาวบ้านจึงเดินทางมายื่นหนังสือขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้โปรดพิจารณาและตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอหัวไทรและปลัดป้องกันอำเภอหัวไทร

  " ประเพณีดังกล่าว ทาง อบต.หัวไทร ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 7 หมื่นบาท เป็นประจำทุกปี และทุกปีก็จะมีการเปรียบโคในสนามซ้อมโค (เดิมทีเป็นนาข้าว อยู่ข้างวัด ) ม.3 และกิจกรรมที่จัด เป็นการเปรียบและซ้อมชนโคเท่านั้น มิได้มีการพนันแต่อย่างใด และไม่ได้มีการขออนุญาติแต่อย่างใด แต่ปีนี้ทางคณะกรรมการได้ ขออนุญาติบอกปากเปล่าว่าจะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าว ทางตำรวจก็อนุญาติให้เล่นได้ 1 คู่ เพื่อความสนุกสนานบันเทิงในหมู่บ้าน ไม่ได้มีการจ่ายเงินค่าบัตรผ่านประตูแต่อย่างใด และไม่มีคนนอกหมู่บ้านมาร่วมกิจกรรมแต่อย่างใดเช่นกัน เป็นงานประเพณีภายในหมู่บ้านเท่านั้น แต่ทำไมต้องให้ฝ่ายปกครองมาจับชาวบ้านด้วย"

  ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าทำไมนายอำเภอถึงเลือกปฎิบัติ ประเพณีชนโค เดิมเราใช้โคพื้นบ้าน ชนกันหลังจากเสร็จพิธีทางศาสนา แต่วันเวลาเปลี่ยนไปมีการเลี้ยงโคชน ประเพณีนี้ก็เกิดมานานแล้วไม่ได้มีการพนันขันต่อแต่อย่างใด และว่าหากเลือกปฎิบัติ ก็อยากจะบอกว่า จับบ่อนซ้อมโค (บ่อนเถื่อน) ทุกแห่งได้เลยทั่วทั้งจังหวัด มีเยอะแยะ แต่ไม่มีใครกล้า เพราะบ่อนเหล่านั้นเป็นของผู้มีอิทธิพล ผมเชื่อว่าที่มาจับบ่อนซ้อมของชาวบ้านก็เพราะว่าเราไม่ได้จ่ายเงิน ที่มีการเก็บทุกครั้งที่มีการชนโค ตั้งแต่ 20,000-50,000 บาท จริงหรือไม่ เราจะเอาที่ไหนไปจ่ายล่ะ ก็เราไม่ได้เล่นการพนันเราไม่มีให้จ่าย นี่คือความจริง ที่สำคัญแจ้งจับชาวบ้าน 9 คนด้วย"

  ผู้สื่อข่าวรายงานจากนั้น นายไตรรัตน์ ไชยรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้พบกับตัวแทนชาวบ้านและสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพร้อมรับหนังสือเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป.

เครดิตภาพ:ไพฑูรย์ อินทศิลา/ นครศรีธรรมราช