นักวิจัยพบ "การสัก" เสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
เป็นข่าวที่ได้รับการเปิดเผยจากนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลุนด์แห่งสวีเดน โดยทางทีมงานได้ศึกษาถึงความเชื่อมโยงระหว่างรอยสักกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในโครงการล่าสุด และได้ออกมาแถลงการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุถึงความเกี่ยวข้องระหว่างรอยสักกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยทางทีมงานได้ออกมาย้ำว่ามะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นโรคที่พบได้ยาก และผลจากการศึกษายังจำกัดอยู่ในระดับกลุ่ม ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบและสืบหารายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งกำลังดำเนินต่อไปอยู่ในขณะนี้
และสำหรับกรณีศึกษาที่ตีพิมพ์ใน eClinicalMedicine นี้ได้มีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวน 11,905 คน โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามในหัวข้อเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ซึ่งระบุว่าพวกเขามีรอยสักหรือไม่ และพบว่าผู้ที่มีรอยสักจะมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Diffuse large B-cell lymphoma (DLBCL) และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดโตช้าหรือ Follicular lymphoma อยู่ในระดับสูงสุด และเมื่อหมึกสักถูกฉีดเข้าไปในผิวหนัง ร่างกายจะถือว่ามันคือสิ่งแปลกปลอม ต้องกำจัดออกไป จากนั้นระบบภูมิคุ้มกันก็จะเริ่มทำงานซึ่งทำให้หมึกส่วนใหญ่ถูกส่งออกจากผิวหนังไปยังต่อมน้ำเหลืองและเข้าไปสะสมอยู่ในนั้น
โดยทางทีมงานได้ตั้งสมมุติฐานว่าขนาดของรอยสักจะส่งผลต่อความเสี่ยงของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่กลับปรากฏว่าไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นรอยสักขนาดเล็กหรือใหญ่ก็สามารถกระตุ้นการติดเชื้อในระดับต่ำได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระตุ้นเซลล์มะเร็งได้ในอนาคตนั่นเอง จะเห็นได้ว่านับวันที่มีการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในชีวิตประจำวันมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะเจอพฤติกรรมที่เป็นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ไม่เว้นแม้แต่การสัก