สาวใส่ผ้าอนามัยแบบสอดไม่ยอมถอด 40 ชั่วโมง สุดท้ายต้องผ่าตัด
สาวชาวจีนวัย 27 ปี ที่มีชื่อว่า "เสี่ยวฟาง" เธอเพิ่งเปลี่ยนงานได้สำเร็จเมื่อไม่นานมานี้ เธอจึงใช้โอกาสก่อนที่จะเริ่มงานใหม่ ไปเที่ยวพักผ่อน โดยออกเดินทางจากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ไปยังซินเจียง เขตปกครองตนเองของจีน ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศจีน ซึ่งมีระยะห่างกันกว่า 3,800 กิโลเมตร โดยเธอเดินทางด้วยรถไฟโดยสาร กระทั่งขากลับ เธอมีประจำเดือน จึงต้องใส่ผ้าอนามัยแบบสอดขณะเดินทาง แต่เนื่องจากมีเงื่อนไขที่จำกัดในระหว่างการเดินทาง ทั้งผู้โดยสารมาก และ ขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้เธอไม่สามารถหาผ้าอนามัยมาเปลี่ยนได้ เธอจึงต้องทนใส่ผ้าอนามัยชิ้นเดิม ไปตลอดเส้นทาง เป็นเวลานานถึง 40 ชั่วโมง
"เสี่ยวฟาง" กล่าวว่า "ฉันรู้สึกแสบร้อนและคันบริเวณอวัยวะเพศ แต่ในตอนแรก เธอไม่ได้สนใจมากนัก จนกระทั่งหลังจากกลับมาบ้าน 3 วัน อาการก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบวม ทั้งแดง และ ปวดมากจนเดินไม่ได้ ในที่สุดครอบครัวของฉัน จึงพาฉันไปโรงพยาบาล ที่แผนกนรีเวชวิทยา ของโรงพยาบาลหางโจว"
หลังจากแพทย์ทำการตรวจร่างกายของเธอ แพทย์ก็พบว่า "ผิวหนังบริเวณส่วนล่างขวาของอวัยวะเพศมีรอยแดง บวม และ มีอาการกดเจ็บอย่างเห็นได้ชัด โดยเธอถูกวินิจฉัยว่าเป็น "ต่อมบาร์โธลินอักเสบ" ซึ่งเกิดจากภาวะต่อมบาร์โธลิน ที่ช่วยในการผลิตเมือกตรงบริเวณปากช่องคลอด เกิดการอุดตันนั่นเอง ทำให้หลั่งเมือกไม่ได้ และ เกิดการสะสมจนบวมกลายเป็นถุงน้ำ แถมอาการของเธอในตอนนั้น อยู่ในเกณฑ์อันตรายสุดๆ เนื่องจากมีการติดเชื้อรุนแรง แพทย์จึงต้องทำการผ่าตัด และ กรีดระบายน้ำและหนองออก ก่อนที่จะรักษาอาการติดเชื้อยาปฏิชีวนะในระยะหนึ่ง
ซึ่งผลการรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจ อาการอักเสบและความเจ็บปวดลดลง จนในที่สุดเธอก็ฟื้นตัวได้สำเร็จ และ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้...