"ราเมศ" เผย พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกรรมการสอบอดีตผู้สมัคร สส.หญิงสัมพันธ์กับภิกษุ จ่อขับออกทันทีหากผิดจริง
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวต่อประเด็นที่มีภาพข่าวและคลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็นอดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นสมาชิกของพรรค มีความสัมพันธ์กับพระภิกษุ ซึ่งปรากฏในโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก ว่าพรรคได้รับทราบข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว และได้ติดตามเก็บข้อมูลในทันที รวมถึงตนในฐานะที่เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค จึงได้รายงานให้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคทราบในทันที เนื่องจากเห็นว่าบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกพรรคจะต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม และวางตนเป็นที่เชื่อถือศรัทธาของพี่น้องประชาชน ตลอดจนต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องสถาบันครอบครัว ซึ่งเรื่องสำคัญดังกล่าวมีอยู่ในข้อบังคับพรรค หมวด 4 มาตรฐานทางจริยธรรมของกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค ข้อที่ 26 ที่ให้สมาชิกพรรค ต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม ตามที่ข้อบังคับพรรคระบุไว้อย่างเคร่งครัด เมื่อหัวหน้าพรรคได้ทราบเรื่องดังกล่าว จึงได้มีคำสั่งในทันทีเพื่อตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย นายธีรชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ อดีต สส. จังหวัดชุมพร นายชริน เลี้ยงกาญจนกุล ผู้สมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ และตน ในการร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บุคคลที่อ้างดังกล่าวเป็นสมาชิกพรรค ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2566 จนถึงปัจจุบัน หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองใดๆ กับพรรค อีกทั้งไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรค โดยในวันนี้คณะกรรมการฯ จะได้สอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วัน จากนั้นจะได้รายงานต่อคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาต่อไป ซึ่งหากพบว่าสมาชิกพรรคคนดังกล่าวมีการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค ก็จะมีโทษถึงขั้นพ้นจากความเป็นสมาชิกพรรค นี่คือความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นสถาบันทางการเมือง เมื่อมีสมาชิกพรรคกระทำการไม่ถูกต้อง พรรคก็ต้องคัดกรองบุคคล ซึ่งในข้อบังคับพรรคได้ระบุความชัดเจนไว้ว่า สมาชิกพรรคจะต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม และวางตนเป็นที่เชื่อถือ ศรัทธาของประชาชน ข้อบังคับพรรคยังให้ความสำคัญในเรื่องการเป็นแบบอย่างที่ดีในการเสริมสร้างสถาบันครอบครัว เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับสมาชิก พรรคจึงต้องดำเนินการตามกระบวนการอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าพรรคให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวอย่างแท้จริง