ดราม่าพระเกี้ยวจุฬาในงานฟุตบอลสัมพันธ์ จุฬา - ธรรมศาสตร์
ดราม่าพระเกี้ยวจุฬาในงานฟุตบอลสัมพันธ์ จุฬา - ธรรมศาสตร์
ประเพณีการอัญเชิญพระเกี้ยวถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในงานฟุตบอลสัมพันธ์ - จุฬา ซึ่งในทุกปีจะให้นักศึกษาเป็นคนแบกเสลี่ยงและมีนักศึกษาผู้หญิงที่ได้รับการขึ้นนั่งอยู่บนเสลี่ยงซึ่งในแต่ละปีจะทำแบบนี้ติดต่อกันมานานหลายสิบปี
ในปีนี้การอัญเชิญพระเกี้ยวได้เปลี่ยนไป นิสิตจุฬาได้ใช้รถก๊อล์ฟอัญเชิญพระเกี้ยวแทนการแบกเสบี่ยงเหมือนกลับเมื่อก่อน เมื่อภาพถูกเผยแพร่ไปทำให้เกิดกระแสวิจารณ์เป็นอย่างมากถึงความเหมาะสมแถมยังมีคำพูดในทางด้านลบจากบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมอีกด้วย
ในวันที่ 2 เมษยายน เฟซบุ๊ก Chula BAKA ในฐานะคณะผู้จัดงานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ CU-TU Unity Football Match 2024 ที่สนามศุภชลาศัย ได้ออกมาอธิบายความหมาย ขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว
พระเกี้ยว สัญลักษณ์สำคัญที่ชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภาคภูมิใจ สืบเนื่องจากชื่อของมหาวิทยาลัยที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัย
ขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว ในงานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬา-ธรรมศาสตร์ 2024 ในครั้งนี้ เหล่านิสิตได้ตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการคัดสรรสัญลักษณ์ ตัวแทนแห่งองค์ความรู้ของศาสตร์แขนงต่างๆ มารายล้อมในขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว ประกอบไปด้วย
- เข็มฉีดยาและขวดชมพู่ตัวแทนของ วิทยาศาสตร์สุขภาพและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
- หนังสือเล่มหนาตัวแทนของ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
- ไม้ฉากเรขาคณิตตัวแทนของ คณิตศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์
- เกียร์ตัวแทนของ วิศวกรรมศาสตร์
- สเลทฟิล์มตัวแทนของ นิเทศศาสตร์
- ดัมเบลตัวแทนของ วิทยาศาสตร์การกีฬา
- จานสีตัวแทนแห่ง ศาสตร์ศิลปะ
- สัญลักษณ์เหล่านี้ที่อยู่รายล้อมพระเกี้ยวกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยรถไฟฟ้า เปรียบเสมือนองค์ความรู้ที่อยู่คู่กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ได้พัฒนาวงการต่างๆ ในประเทศไทยและในระดับโลก ในทุกยุคสมัย ขณะเดียวกันก็ได้กลับมาโอบอุ้มให้มหาวิทยาลัยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงแข็งแรง สอดรับกับพันธกิจของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย
นอกจากนี้ อีกสิ่งประดับตกแต่งขบวนที่ทุกท่านเห็นได้ก็คือ คือ “อะตอม” ที่สื่อถึงส่วนประกอบเล็กๆ ที่เมื่อรวมกันจะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของนิสิต บัณฑิต และบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ร่วมแรงร่วมใจไปสู่การเป็นสถาบันเสาหลักที่ยั่งยืนของประเทศ
อีกทั้งขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในครั้งนี้ ยังตกแต่งด้วยดอกไม้จากพลาสติกที่ใช้แล้ว นำกลับมาใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด สอดคล้องกับแนวคิดของงาน นั่นคือ Unity to Sustainability และร้อยเรียงเป็น “พวงดอกกล้วยไม้ที่ผลิบาน” ดั่งโบราณว่า “กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น การศึกษาปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม”
ทั้งนี้ ทางคณะผู้จัดงานน้อมรับฟังทุกความคิดเห็น และยินดีนำไปปรับปรุงเพื่อพัฒนาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป