หนุ่มใหญ่รับซื้อของเก่า โวยเทศบาลตำบลปลายพระยา ดองเรื่องขอใบอนุญาต จนทำธุรกิจเจ๊ง เดินหน้าฟ้องเรียกคืนความยุติธรรม
นักธุรกิจรับซื้อของเก่า โวยเทศบาลตำบลปลายพระยา ดองเรื่องขอใบอนุญาต จนทำธุรกิจเจ๊ง เดินหน้าฟ้องเรียกคืนความยุติธรรม
วันที่ 2 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายเอกชัย เทพอักษร อายุ 53 ปี นักธุรกิจรับซื้อของเก่า อยู่บ้านเลขที่ 8/2 ถ.อ่าวลึก-พระแสง ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ว่าได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากการประกอบธุรกิจรับซื้อของเก่า โดยนายเอกชัยเล่าว่า เดิมทีได้เปิดร้านซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี จดทะเบียนพาณิชย์กับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระบี่ ใช้ชื่อทะเบียนพาณิชย์ร้านปากน้ำ เอวี และเมื่อปี 65 ที่ผ่านมา
และมีความประสงค์จะเปิดร้านรับซื้อของเก่าเพื่อต่อยอดจากร้านซ่อมฯเดิม ได้ไปติดต่อเพื่อขอใบอนุญาตประกอบกิจการรับซื้อของเก่า จากเทศบาลตำบลปลายพระยา ประมาณ เดือนก.พ.65 โดยไปติดต่อที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ลงมาดูสถานที่ พร้อมกับให้คู่มือสำหรับผู้ประกอบการอาชีพรับซื้อของเก่า เพื่อให้ตนได้ศึกษาหลังจากนั้นในเดือนเดียวกันตนก็ได้เดินทางไปที่เทศบาลตำบลปลายพระยาอีกครั้ง เพื่อยื่นคำร้องขอใบอนุญาตรับซื้อของเก่า โดยเจ้าหน้าที่รับเอกสารพร้อมคำร้องขอใบอนุญาตของตนไว้ และตนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าสถานที่ที่จะเปิดร้านรับซื้อของเก่า สามารถดำเนินการได้ไหม เจ้าหน้าที่ตอบว่าสามารถดำเนินการได้ ตนเองก็ถามต่อไปอีกว่าใบอนุญาตจะออกให้ภายในกี่วันทางเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เกิน 30 วัน และในระหว่างที่รอใบอนุญาตสามารถเปิดรับซื้อของเก่าเล็กๆน้อยๆได้หรือไม่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าได้
นายเอกชัย กล่าวด้วยว่า ผ่านมาประมาณร่วมเดือนเศษ ประมาณมีนาคมในปีเดียวกัน ตนก็ได้ไปติดตามความก้าวหน้าเรื่องใบอนุญาตที่เทศบาลฯโดยเจ้าหน้าที่บอกกับตนว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งในระหว่างนั้นตนก็ยังรับซื้อของเก่ามาเรื่อยๆและมีบางครั้งคนงานของเทศบาลก็ได้นำขยะของเทศบาลฯเป็นขวดพลาสติก และของเก่า ที่เก็บได้มาขายอย่างต่อเนื่องและมีอยู่ครั้งหนึ่งเจ้าหน้าที่ของเทศบาลฯได้ติดต่อให้ตนไปรับซื้อของเก่าที่โรงเรียนอนุบาลสังกัดเทศบาล ซึ่งตนก็ได้ไปรับซื้อ
และหลังจากที่รอใบอนุญาต เกิน 30 วัน ตนก็ได้เข้าไปติดต่อเรื่องใบอนุญาตที่เทศบาลตำบลปลายพระยาอีกครั้งทางเจ้าหน้าที่กับบอกว่าอยู่ระหว่างดำเนินการจึงทำให้ตนเชื่อโดยสนิทว่าการรับซื้อของเก่าสามารถทำได้อย่างถูกต้องไม่ขัดกับระเบียบของทางราชการ เพราะเทศบาลไม่ได้มีคำสั่งห้าม หรือยับยั้งการดำเนินการจัดซื้อกับตนแต่อย่างใด จึงได้ลงทุนซื้อของเก่าเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ก็ได้ลงทุนซื้ออุปกรณ์ บดอัดขวดพลาสติกมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท เครื่องบดอัดกระดาษมูลค่าประมาณ 200,000 บาทเครื่องปอกสายไฟ รถ 6 ล้อ มือสอง และอุปกรณ์อื่นๆมูลค่าอีกหลายแสนบาท
และหลังจากที่เวลาผ่านมาประมาณ 1 ปีตนก็ยังไม่ได้ใบอนุญาตจากเทศบาลฯก็เลยไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่อำเภอปลายพระยา ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดตามให้จนทราบสาเหตุว่าที่ทางเทศบาลฯออกใบอนุญาตให้ไม่ได้เนื่องจาก พื้นที่ของตนอยู่ในเขตผังเมือง สีชมพูห้ามเปิดรับซื้อของเก่า และหลังจากที่ตนทราบเรื่องไม่นานทางเจ้าหน้าที่เทศบาลฯก็ได้เดินทางมาพบตนพร้อมกับแจ้งให้ตนหยุดกิจการ และให้รื้อของเก่าออกไปซึ่งตนก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะตนทราบเรื่องจากอำเภอแล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถเปิดรับซื้อของเก่าได้
แต่ตนคาใจว่าทำไมตอนที่ตนไปยื่นเอกสารใหม่ๆทำไมเจ้าหน้าที่บอกว่าทำได้และจะออกใบอนุญาตให้ภายใน 30 วันแต่หลังจากที่เวลาผ่านมานานนับปี ซึ่งตนลงทุนลงแรงไปคิดเป็นเงินแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท บางครั้งต้องกู้หนี้ยืมสินทั้งในระบบและนอกระบบกลับมาบอกให้ตนหยุดกิจการ และดำเนินการเคลื่อนย้ายหรือจำหน่ายของเก่าที่ตกค้างออกไปตามกำหนดระยะเวลาภายใน 3 เดือน ซึ่งคำสั่งดังกล่าวทำให้ตนได้รับความเดือดร้อนและได้รับความเสียหายอย่างสูง ซึ่งหากว่าทางเทศบาลฯให้ตนหยุดดำเนินการตั้งแต่ตอนที่ตนไปขอใบอนุญาตใหม่ๆก็คงไม่ได้รับความเสียหายถึงขนาดนี้และที่สำคัญตนได้ไปทวงถามหลายครั้งแต่ตั้งเทศบาลบอกว่าอยู่ระหว่างดำเนินการออกใบอนุญาตให้และไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ตนทราบแต่กลับเพิกเฉยทั้งๆที่พื้นที่ที่ตนรับซื้อของเก่าก็ไม่ไกลจากเทศบาลมากนัก
ความเดือดร้อนดังกล่าวที่เกิดขึ้นตนได้รวบรวมข้อมูลความเสียหายต่างๆฟ้องฟ้องศาลปกครอง เรียกค่าเสียหายกับทางเทศบาล เพื่อขอให้เทศบาลชดเชยและคืนความยุติธรรมให้กับตนเพราะตอนนี้ลำบากมากเงินทุนก็หมด ครอบครัวก็เดือดร้อน ขยะที่รับซื้อมาก็ขายไม่ได้หรือขาย ได้ก็ถูกกดราคารับซื้อทำให้ขยะกองเป็นภูเขาอยู่ในตอนนี้