ตำรวจเร่งสอบ "น้องไนซ์" ร่างอวตาร..เตือนประชาชนศรัทธาอย่างมีสติ
สงสัยงานนี้ ร่างอวตารคงคิดหนัก เพราะไม่รู้จะตอบกับทางตำรวจว่าอย่างไร เมื่อทางรองโฆษกกรม ตร.เผยว่า ได้ทำการเร่งตรวจสอบ "น้องไนซ์ เชื่อมจิต" ที่อ้างเป็นร่างอวตารว่า จะเข้าข่ายความผิดตามกฏหมายหรือไม่ จ่อเรียกสอบทางผู้ปกครอง และพยานผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เตือนประชาชนโปรดศรัทธาอย่างมีสติ
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2566 ทาง "พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ" รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวถึง กรณีกลุ่มเชื่อถือศรัทธา น้องไนซ์ เด็กชายวัย 8 ขวบ ซึ่งอ้างเป็นร่างอวตารองค์เพชรภัทรนาคานาคราช ว่าสามารถเชื่อมจิตได้ ได้เข้ายื่นหนังสือถึง "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล" ผบ.ตร.ให้ทำการตรวจสอบ และดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ไม่เชื่อ และมีการบิดเบือนตัดต่อภาพน้องไนซ์คล้ายพระพุทธเจ้า ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนเห็นต่าง ขอให้ตรวจสอบเรื่องที่กลุ่มผู้ศรัทธามีการเรียกเก็บเงิน เพื่อเข้าคอร์สฝึกสมาธิเชื่อมจิตหลัก เนื่องจากอาจจะเข้าข่ายหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนว่า เรื่องดังกล่าวนั้นทาง ผบ.ตร.ได้รับทราบแล้ว ส่วนจะเป็นการหลอกลวง หรือไม่ต้องมีการตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องความเชื่อ และศรัทธาของกลุ่มคนที่เห็นว่า การทำพิธีและพบกับน้องไนซ์อาจจะได้ผลตามที่ตั้งมั่นไว้ และเกิดความคิดในทางบวก ขณะเดียวกันก็มีอีกกลุ่มที่มองว่า เป็นการหลอกลวงหรือแสวงหาผลประโยชน์ จากเด็กและเยาวชนหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบ โดยประเด็นแรกได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว ประเด็นที่สอง ต้องตรวจสอบทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น มีการโพสต์โฆษณาเชิญชวน ต้องดูพฤติการณ์ว่าเ ข้าข่ายความผิดหรือไม่อย่างไร
ส่วนเรื่องที่ว่า จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ หรือไม่นั้น ทางตำรวจต้องมีการตรวจสอบในทุกความผิดที่อาจเกี่ยวข้องทั้งหมดอยู่แล้ว ส่วนทางผู้ปกครองเด็กจะต้องเชิญมาสอบ หรือให้ปากคำหรือไม่นั้น ตรงนี้เป็นเรื่องของกระบวนการที่ต้องทำดำเนินการทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่เกิดเหตุ เชิญทางผู้ปกครองหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพยานที่พบ หรือเข้าไปทำพิธีนั้นมาทำการสอบปากคำทั้งหมด
ส่วนกลุ่มที่มาร้องเรียนไม่ได้เป็นผู้เสียหายโดยตรงจะสามารถดำเนินคดีได้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ตรงนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอยู่แล้ว เพราะหากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความผิดต่อรัฐ ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้เอง แต่หากเป็นความผิดส่วนตัว เป็นเรื่องที่เสียหายจากการกระทำนั้น ก็ต้องมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ส่วนกรณีของน้องไนซ์วัย 8 ขวบ ขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ส่วนที่มีประชาชนหลายคนก็ได้ออกมามาร้องให้ดำเนินคดี ก็ต้องยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายในคดี เช่น สูญเสียทรัพย์สิน สามารถใช้สิทธิในการร้องทุกข์กล่าวโทษได้
"หากพบว่ามีการแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงจากความเชื่อศรัทธาของประชาชนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด มีกฎหมายบัญญัติไว้อยู่แล้ว ตำรวจสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ หากประชาชนท่านใดที่รู้สึกว่า ตนเองถูกหลอกลวงได้รับความเสียหาย สามารถมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับบุคคลที่มาฉ้อโกงได้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ" รอง โฆษก ตร.กล่าว และยังกล่าวเสริมอีกว่า "ขอฝากถึงประชาชนที่ต้องการหาที่พึ่งทางใจ และเข้าไปหลงเชื่อศรัทธาแบบงมงายและเสี่ยงถูกหลอกว่ าเรื่องความเชื่อศรัทธาเป็นเรื่องที่ว่ากันไม่ได้ เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่อยากให้ใช้วิจารณญาณว่า สิ่งที่เราไปเคารพบูชามีข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร และเป็นเรื่องลวงโลกหรือไม่ หากเห็นว่าไม่ดี ดูแล้วแปลกๆ น่าจะเป็นการหลอกลวง ขอให้แจ้งตำรวจเข้าไปตรวจสอบ หรือหากตกเป็นเหยื่อ ขอให้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อป้องกันระงับยับยั้งไม่ให้ไปหลอกลวงคนอื่นต่อไป"