รวบแล้ว! สาวจีนอัดคลิปดิสเครดิตไทย..จ่อแบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศ
เรื่องนี้ได้กลายมาเป็นประเด็นข่าวร้อนตลอดช่วงสัปดาห์นี้ เมื่อมีหญิงสาวชาวจีนรายหนึ่งได้อัดคลิปวีดีโอ เพื่อทำคอนเทนต์ดิสเครดิตประเทศไทย ไลฟ์สดซอยนานาว่าเป็นสถานที่สุดอันตราย ตำรวจได้ไปทำการตรวจค้นพบว่า เปิดบ้านหรูเพื่อลักลอบขายของออนไลน์ในไทย เตรียมขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศอีกต่อไป
จากกรณี มีคลิปนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นในเชิงลักษณะพูดถึงซอยนานาว่า เป็นสถานที่อันตรายสำหรับผู้หญิง ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยได้ โดยเหตุเกิดขึ้นพื้นที่ สน.ลุมพินี
ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา ทางด้าน "พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย" ผบช.สตม. ได้สั่งการให้ "พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ" รอง ผบช.สตม., "พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ" ปฎิบัติราชการ สตม. "พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข" ผบก.สส.สตม. , ได้ทำการสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม.เร่งทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว
และจากการตรวจสอบก็พบว่า บุคคลดังกล่าวนั้นก็คือ "น.ส.หวาง จือ ยู" สัญชาติจีน ได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยด้วยวีซ่าประเภท Thai Privilege Card จึงได้เชิญตัวเธอเพื่อมาสอบปากคำ
โดยทางเจ้าตัวนั้น ก็ได้ยอมรับว่าเป็นคนทำคลิปนี้จริง แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทยแต่อย่างใด โดยเพียงแค่ต้องการที่จะประชาสัมพันธ์ให้กับคนต่างชาติได้รับรู้ว่า สถานที่ไหน ที่ผู้หญิงไปคนเดียวตามลำพังแล้ว ควรจะระวังตัวเอาไว้
นอกจากนี้ก็ยังพบว่า "น.ส.หวาง" มีการไลฟ์สดขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งก็เข้าข่ายการทำงานของคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ แต่ทาง "น.ส.หวาง" ได้ให้การปฏิเสธ แต่แนวทางการสืบสวนนั้นพบว่ามีการขายของออนไลน์จริง จึงได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาให้ "น.ส.หวาง" ทราบว่า เป็นคนต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต โดยหลังจากที่สืบสวน เพื่อทำการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและเสร็จทางคดีแล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการขึ้นบัญชีคนต้องห้าม ตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ทาง สตม. ก็ขอฝากเตือนมายังบรรดาชาวต่างชาติที่ได้เข้ามาสร้างคอนเทนต์ในประเทศไทย โดยพยายามที่จะให้เกิดประเด็นในเชิงลบ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และเกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมีเจตนาแอบแฝงเพื่อสร้างกระแสเรียกยอดไลก์ในโซเชียลนั้น อาจเป็นเหตุให้ท่านถูกดำเนินคดีตามความผิดที่เกี่ยวข้อง และขึ้นบัญชีคนต้องห้ามอีกด้วย