“จตุพร” ฟาด “เศรษฐา” อ่อนหัด จูบมืออุ๊งอิ๊ง แสดงสภาพจำยอมเจ้าแม่ หมดราคาผู้นำประเทศ
ไม่มีนายกฯ ไทยคนไหนเคยทำมาก่อน ถามทำไปหาหอกอะไร ฉะอพยพคนไทยหนีสงครามยิวชักช้า เชื่อเงินดิจิทัลไม่ได้แจก
เมื่อ 28 ต.ค. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ กล่าวว่า ตนมึนงงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ก้มจุมพิตมืออุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ไม่รู้ทำไปทำไม แสดงถึงไม่มีวิฒิภาวะผู้นำของประเทศ อีกทั้งอพยพคนงานไทยออกจากอิสราเอลได้จำนวนน้อยและชักช้ามาก ดังนั้น หากทำไม่ได้ก็ควรต้องออกไป
“สงครามอิสราเอลกับฮามาสที่ฉนวนกาซาทำให้คนปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมาก นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้น นายกฯ ต้องรีบเร่งอพยพคนไทยกลับมาให้หมดโดยเร็ว หากทำไม่ได้่ก็ออกไป ให้คนอื่นมาทำหน้าที่นายกฯ แทน”
นายจตุพร ย้ำว่า สงครามเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อ 7 ต.ค. ตนเคยเตือนและกระตุ้นให้เร่งนำคนไทยกลับประเทศทั้งหมด โดยเสนอให้รีบไปติดต่อญาติ ครอบครัวคนงานในไทย เพื่อสื่อสารส่งข่าวให้กลับไทยโดยเร็ว แต่วันนี้ 20 กว่าวันแล้ว ไทยยังนำคนไทยกลับมาไม่ได้มากเลย และยังเพิ่งเริ่มส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามข้อมูลกับญาติคนงานในไทย จนทำให้นายกฯ เกิดอาการร้อนรนเห็นได้ชัดเจนในขณะนี้
ส่วนกรณีนายกฯ จุมพิตมืออุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ในวันได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจตุพร กังขาว่า ทำไปเพื่ออะไร ต้องการแสดงอะไร ตั้งแต่ประเทศไทยมีนายกฯ มา ไม่เคยเห็นนายกฯ ไปจุมพิตมือใครเลย แต่นายเศรษฐา ได้ทำเพื่อให้คนจินตนาการไปถึงเรื่องอะไรกัน
"คนเป็นนายกฯ ต้องมีวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำ ส่วนหัวหน้าพรรคเป็นแค่ผู้นำพรรค ไม่ใช่ประมุขของรัฐและไม่ใช่ผู้นำศาสนา จึงงงกันไปหมดว่า นายกฯ ทำไปหาหอกอะไร สิ่งสำคัญนายเศรษฐา ต้องรู้ว่าคุณเป็นนายกฯ เป็นนักการเมืองเบอร์หนึ่งของประเทศ และจุมพิตมือก็ไม่ใช่ประเพณีของไทยด้วย ถ้าไปแสดงออกกับผู้นำต่างประเทศก็คงไม่เป็นปัญหาเลย"
นายจตุพร ย้ำว่า นายเศรษฐา จะแสดงออกเพื่อเคารพนอบน้อมตามวิถีไทยนั้นมีหลายวิธี ส่วนวิธีการจุมพิตมือมันเป็นเรื่องประหลาด เพราะคนเป็นผู้นำประเทศไปทำอย่างนี้ไม่ได้
"การให้เกียรติให้ความนับถือคนเป็นเรื่องที่ดี แม้การเคารพยกย่อง ซึ่งไม่เกี่ยวกับวัยก็ล้วนเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องไม่ใช่ด้วยการแสดงออกแบบจับมือจุมพิต คุณลองยกตัวอย่างมาว่า นายกฯประเทศไทยคนไหนทำแบบนี้บ้าง การทำเช่นนี้สะท้อนถึงวุฒิภาวะการเป็นผู้นำประเทศมีความน่าสงสัย”
พร้อมกล่าวถึงพรรคเพื่อไทยประกาศแจกเงินดิจิทัลจะทำให้พรรคขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งว่า ขอให้เริ่มแจกเงินดิจิทัลกันจริงๆ เสียที เห็นแต่พูดมาหลายครั้ง แล้วยังถอยจนแทบไม่มีสภาพ อีกอย่างการเปลี่ยนแนวทางการแจกใหม่ โดยไม่ยึดเป้าหมายแจกทุกคนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป จึงถือเป็นการตระบัดสัตย์คำพูดหาเสียงไว้
“เห็นการถอยของนายกฯ และเปลี่ยนแนวทางแจกเงินทั้ง 3 แนวทาง ถึงเป็นกี่ทางเลือกก็ตาม คงหลีกหนีคดีอาญาไม่ได้แน่ ยิ่ง ปปช.ตั้ง สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ปปช. ซึ่งเคยเล่นงานโครงการจำนำข้าวมาแล้ว มาเป็นประธานคณะกรรมการเฝ้าตรวจสอบการแจกเงินดิจิทัลด้วย อาจทำให้การแจกเงินดิจิทัลไม่น่าจะได้ทำเลย”
นายจตุพร กล่าวถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บ.ตลอดสายทุกเส้นทางว่า ขณะนี้รัฐบาลทำได้แค่รถไฟฟ้า 2 สายที่เป็นของรัฐบาล ส่วนของเอกชนกลับไม่กล้าแตะต้อง ทั้งที่เอกชนไม่ได้เสียประโยชน์อะไรเลย เพราะรัฐนำภาษีประชาชนไปจ่ายชดเชยในส่วนที่ลดให้อยู่แล้ว ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณเอกชนหรือนายทุนที่เป็นเจ้าของสัมปทานใดๆ ด้วย”
สำหรับ สว.โหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ นายจตุพร เห็นว่า เป็นสิ่งผิดปกติมาก ทั้งทักษิณ ชินวัตร กลับไทยมาติดคุกไม่กี่ชั่วโมงก็ไปอยู่ รพ. แล้ว สว. 152 เสียงพร้อมใจกันโหวตเลือกนายเศรษฐา ดังนั้น การเมืองจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ การโหวตให้เศรษฐาเป็นนายกฯ ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยใจบริสุทธิ์แน่นอน ต้องแลกกับอะไรจึงต้องติดตามสถานการณ์ให้ใกล้ชิด ยิ่ง สว.จะครบวาระในวันที่ 11 พ.ค. 67 ยิ่งทำให้การลงมือทางการเมืองต้องชิงเกิดขึ้นก่อน
ประเทศไทยต้องมาก่อน
อ้างอิงจาก: fb จตุพร พรหมพันธุ์