พี่น้องเกษตรกรกว่า 10 ล้านคนกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตัวเอง
พี่น้องเกษตรกรกว่า 10 ล้านคนกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตัวเองและครอบครัว แต่รายได้ของพวกเขากลับน้อยนิด สะท้อนเป็น GDP ของประเทศเพียงร้อยละ 7 เท่านั้น เกษตรกรมีรายได้ไม่พอที่จะชำระหนี้การเกษตรและหนี้ครัวเรือน เกษตรกรกำลังมีหนี้สินรุมเร้าเฉลี่ยกว่า 3 แสนบาท ในขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะนำมาสู่ภัยแล้งอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อการทำการเกษตรอย่างใหญ่หลวง
.
จากที่ไม่ได้มีการพัฒนาการเกษตรอย่างจริงจัง ผลิตผลของเกษตรกรไทยจึงแทบไม่โต และกำลังพ่ายแพ้ให้กับประเทศคู่แข่ง สถานการณ์นี้สะท้อนในดัชนีผลิตภาพปัจจัยการผลิตรวมในภาคการเกษตร (Agricultural Green Total Factor Productivity) ที่สะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการเกษตรของประเทศต่างๆ เปรียบเทียบกัน พบว่าดัชนีของไทยต่ำลงกว่าค่าเฉลี่ยโลกในปี 2563 หลายประเทศ เช่น จีน อินเดีย เวียดนาม กัมพูชา แซงหน้าเราไปแล้ว
.
ประเทศไทยใช้พื้นที่ถึง 140-150 ล้านไร่ไปกับการเกษตร เมื่อคิดเฉลี่ยกับ GDP แล้ว พบว่าสร้าง GDP ต่อไร่เพียงประมาณ 10,000 บาทเท่านั้น พื้นที่ดังกล่าวประมาณ 40% ถูกใช้เพื่อการปลูกข้าว ทว่า เมื่อดูตัวเลขผลผลิตต่อไร่ของข้าวไทยก็ไม่ได้สูงขึ้นเท่าที่ควรจะเป็นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และประสิทธิภาพในการผลิตข้าวไทยก็พ่ายแพ้ประเทศผู้นำในการส่งออกข้าวหลายประเทศ อาทิ จีนและเวียดนามด้วย
.
ประสิทธิภาพที่ต่ำในการทำการเกษตรและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกษตรกรมีรายได้น้อย รวมถึงจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อทำการเกษตรยังชีพต่อไป ในขณะที่ก็ไม่สามารถมีรายได้เพียงพอในการจ่ายหนี้ได้ สะท้อนในตัวเลขหนี้ของครัวเรือนเกษตรกรที่มีเฉลี่ยถึง 300,000 บาท
.
ยิ่งไปกว่านั้น สภาวะอากาศสุดขั้ว (Extreme Weather) ของโลกกำลังจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งจะนำภัยแล้งมาสู่ประเทศไทยไปอีกหลายปี แม้ว่าในระยะสั้นจะทำให้ราคาข้าวดีขึ้น ในระยะยาว รัฐบาลต้องเร่งเตรียมระบบบริหารจัดการน้ำ เพื่อรับมือกับภัยแล้งในอนาคตที่อันใกล้นี้
.
สถานการณ์ของภาคเกษตรไทยดังที่กล่าวไป คือความท้าทายสำคัญที่รัฐบาลของประชาชน ซึ่งได้เตรียมนโยบายและมาตรการรับมือในระยะสั้นและเปลี่ยนแปลงการเกษตรของไทยในระยะยาว เพื่อชีวิตใหม่ของพี่น้องเกษตรกรไทย
อ้างอิง:พรรคเพื่อไทย