เคลียร์จบ! "แมว จิรศักดิ์" มอบกีตาร์ให้เป็นกำลังใจ หลัง "ครู" ทุบกีตาร์เด็กพังยับ แต่ไม่ขอโทษ
เพจ 'กันจอมพลัง ช่วยสู้' นำเรื่องราวของนักเรียนชาย ม. 6 รายหนึ่ง ที่มีความฝันเป็นนักดนตรี แต่กลับถูกครูที่โรงเรียนพังกีตาร์ทิ้งโดยเด็ก ม. 6 รายนี้ ได้เล่าเรื่องราวในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "เมื่อคุณครูที่โรงเรียนทำลายทรัพย์สินของผม เพียงแค่เราไปถามเพื่อนผู้หญิงแต่ครูกลับแสดงอาการไม่พอใจ ผมก็เลยได้โพสต์ไปว่าแค่ถามเพื่อนตัวเองทำไมเกิดอาการไม่พอใจ ถามไม่ได้เลยหรือยังไง แล้วสักพักก็มาอาละวาดทุบกีตาร์ ที่ผมเก็บเงินซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง และเมินเฉยไม่รับผิดชอบผมต้องทำยังไงครับ ทรัพย์สินของผมเองถูกทำลายไปก็ไม่มีใครรับผิดชอบครับ ตอนนี้ผมเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของผม ผมควรทำยังไงดีครับ
ความฝันของผมคือการเล่นดนตรี ได้ฝึกดนตรี แต่ตอนนี้อุปกรณ์ที่ผมใช้ซ้อมใช้ฝึกถูกคนที่เรียกตัวเองว่าครูทำลาย โดยที่ไม่มีการรับผิดชอบใดๆ ทางบ้านผมไม่ได้ร่ำรวยขนาดที่จะซื้อให้ผมได้ใหม่"โดยในเพจ 'กันจอมพลัง ช่วยสู้' เอง ก็ได้โพสต์ถึงประเด็นนี้ต่อว่า "น้อง ม. 6 จากศรีสะเกษ ถูกครูทำลายกีตาร์ที่ได้มาจากการอดออมของน้อง ผมเช็กแล้ว น้องถูกทำลายกีตาร์จริง พังจริง โดยมีครูอยู่ในเหตุการณ์ 4 คน ครูทุกคนเข้ามาปกป้องน้อง และต่อว่าครูผู้ชายว่าทำลายของน้องทำไม หลังเกิดเหตุไม่เยียวยาไม่ว่า มีการพูดถึง และสะพายกระเป๋าดำตามหาน้องใน รร. ทั้งวัน ซึ่งน้องกลัวจึงโพสต์ และทักมาหาผม ผมรู้สึกได้นะว่าน้องจิตใจดี ผมกับเพื่อนๆ เลยจะเอากีตาร์ใหม่กับซ่อมอันเก่าให้น้องโดย พี่แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ทักมาบอกผมว่า จะเอากีตาร์ของพี่แมวเองให้น้อง ซึ่งมันคือความฝันของน้องและนักดนตรีหลายๆคน ที่จะได้จับกีตาร์ของนักดนตรีระดับประเทศ ผมขอบคุณพี่แมวมากๆเลยครับ ที่ใส่ใจนักดนตรีตัวน้อย
วันนี้ ผอ. เรียกครูคู่กรณีมาคุย พร้อมกับพยานทั้ง 4 โดยคู่กรณีจะชดใช้กีตาร์ใหม่ให้ แต่ไม่พูดคำว่าขอโทษน้องสักคำ แต่น้องไม่อยากเอาเรื่อง แค่ไม่อยากให้ไปทำกับใครอีก ผมจึงบอกน้องว่าถ้ามีการข่มขู่คุกคามน้องบอกพี่ พี่ยินดีช่วยซึ่งโรงเรียนบอกแม่น้องว่า กลัวเสียชื่อเสียง เลยขอแม่ไม่ให้สัมภาษณ์ ผมก็ไม่ติดแต่ รร. ต้องหามาตราการดูแลความปลอดภัยให้เด็กด้วย ถ้ามีอีกเป็นข่าวก็ว่าใครไม่ได้นะครับ"เมื่อหลังเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในโซเชียลผ่านเพจดัง ทำให้เป็นที่วิจารณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนเป็นครู ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรทำเช่นนี้ และโรงเรียนก็ควรมีการแสดงความรับผิดชอบ ที่ดีกว่าการปกป้องเพียงชื่อเสียงโรงเรียน