ทำผิด กม.จราจร ไม่จ่ายค่าปรับ-ใบสั่ง จะไม่ได้ป้ายภาษี เริ่ม 1 เม.ย. 66 นี้
ไม่จ่ายค่าปรับจราจร ทั้งรถยนต์ รวมถึงมอเตอร์ไซค์ ทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว หลังกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อบังคับใช้กฎหมาย หากไม่ยอมจ่ายค่าปรับตามใบสั่ง สามารถต่อภาษีรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ได้ แต่จะยังไม่ให้ป้ายภาษี จนกว่าจะไปจ่ายค่าปรับภายใน 30 วัน โดยเริ่มมีผลตั้งแต่เมษายน 2566 เป็นต้นไป
โดยกรมการขนส่งทางบกร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงในการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก รวม 2 มาตรการ คือ ตัดคะแนนใบขับขี่ รวมถึงการชะลอการออกป้ายภาษี สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระ ซึ่งหน่วยงานทั้งสองจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลใบขับขี่ ข้อมูลยานพาหนะ และข้อมูลใบสั่งค้างชำระได้แบบเรียลไทม์
ไม่จ่ายค่าปรับจราจร ต่อภาษีได้ไหม
หากได้รับใบสั่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ถ้าไม่จ่ายค่าปรับหรือมีใบสั่งค้างชำระ ยังสามารถนำรถไปต่อภาษีได้ตามตามปกติ แต่จะได้หลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษี (มีอายุ 30 วัน) เพื่อให้ไปจ่ายค่าปรับใบสั่งค้างชำระทั้งหมดภายในระยะเวลาที่กำหนด 30 วัน จึงค่อยมาขอรับป้ายภาษี หรือถ้าต้องการป้ายภาษีทันที สามารถจ่ายค่าปรับใบสั่งค้างชำระพร้อมกับการต่อภาษีได้ที่กรมการขนส่งทางบก
ไม่ติดป้ายภาษี ผิดไหม
เมื่อนำรถไปต่อภาษีโดยมีใบสั่งค้างชำระและยังไม่จ่ายค่าปรับในทันที ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะให้หลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษีมานั้น ยังสามารถใช้รถได้ตามปกติ หากเจ้าหน้าที่เรียกตรวจให้แสดงหลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษีได้ แต่จะมีอายุแค่ 30 วันเท่านั้น
หากเลยไปจากนั้นถือว่าเป็นการขับรถโดยไม่มีป้ายภาษี มีโทษตาม พ.ร.บ.รถยนต์ มาตรา 11 ซึ่งกำหนดว่ารถยนต์คันที่ต่อภาษีแล้วจะต้องแสดงเครื่องหมายตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ครบถ้วน หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และโดนตัดคะแนนใบขับขี่ 1 คะแนน
วิธีตรวจสอบใบสั่งจราจรออนไลน์
ปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำเว็บไซต์ตรวจสอบใบสั่งออนไลน์ ที่สามารถแสดงประวัติการได้รับใบสั่งจราจร ตรวจสอบการค้างชำระค่าปรับ และดำเนินการชำระเงินได้ทันทีที่ ptm.police.go.th
สำหรับช่องทางตรวจสอบใบสั่งจราจรค้างจ่าย ประชาชนสามารถตรวจสอบใบสั่งค้างจ่าย และชำระผ่านออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่เว็บ https://ptm.police.go.th/eTicket โดยมีขั้นตอน ดังนี้
1. ลงทะเบียนใช้งาน โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชน / หมายเลขใบขับขี่หรือหมายเลขทะเบียนรถและกำหนดรหัสผ่าน
2.เข้าสู่ระบบหลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
3. ค้นหาใบสั่งโดยระบุวันที่กระทำผิด
4.ระบบจะแสดงใบสั่งที่เคยได้รับ สามารถคลิกดูรายละเอียดของแต่ละใบได้ หากมีรถหลายคัน ระบบจะแสดงใบสั่งตามชื่อผู้ครอบครองรถคนเดียวกัน
5.สามารถชำระค่าปรับออนไลน์ได้เลย โดยจ่ายแอป Krungthai NEXT หรือสถานีตำรวจ ธนาคารกรุงไทย ไปรษณีย์ไทย ตู้ ATM กรุงไทยหรือตู้บุญเติม
อ้างอิงจาก: https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/64693
https://www.dlt.go.th/