"ครูเต้ย" เล่าประสบการณ์โดนโกงหนักสุดในชีวิต หลังซื้อรถหรูลัมโบร์กินี แต่เต็นท์ไม่ยอมบอกว่ารถติดไฟแนนซ์
ครูเต้ย อภิวัฒน์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เล่าประสบการณ์ถูกโกงครั้งแรก จ่ายเงินเป็นล้าน เอารถตัวเองไปเทิร์น ซื้อลัมโบร์กินี แต่กลับถูก ตร.บุกมาล้อมบ้าน ยึดรถ โดยระบุว่า“โดนโกงครั้งแรกในชีวิตครับที่หนักมาก ที่สำคัญลูกข่อยไห้ ตำรวจมาหลาย ลูกข่อยย่าน (ลูกผมร้องไห้ ตำรวจมาเยอะมาก จนลูกผมกลัว)”ครูเต้ยยังแชร์ข่าวของตัวเอง กรณีปมรถหรู ลัมโบร์กินี ถูกยึด เพราะเต็นท์บอกความจริงไม่ครบ เพิ่งรู้ว่ารถมีปัญหาติดไฟแนนซ์ โดยครูเต้ยเล่าว่า ตนจ่ายเงินซื้อรถหรู แต่สุดท้ายกลับมีปัญหา เจ้าของเก่าไม่ได้ส่งค่างวดรถ เป็นเหตุให้รถโดนไฟแนนซ์มาตามยึดที่บ้าน ทั้งที่ตอนไปซื้อ ทางเต็นท์ไม่ได้แจ้งว่ารถคันนี้ติดไฟแนนซ์อยู่ วอนเต็นท์รถคู่กรณีคืนเงิน และคืนรถออดี้คันเก่าของตนที่เอาไปเทิร์นเป็นรถหรูคันนี้ กลับคืนมาด้วย
โดยรถลัมโบร์ คันนี้ ครูเต้ยเอาออดี้คันเก่าไปเทิร์น แล้วเพิ่มเงินในสัญญา เพิ่มเงินไป 1.5 ล้านบาท และรถออดี้ อีก 1 คันของตัวเองที่เอาไปเทิร์นด้วย จ่ายไปหมดแล้วทุกอย่าง โดยทางเต็นท์จะทำเรื่องโอนให้ หลังจากนั้นก็จะส่งเล่มโอนให้ทีหลัง สามารถรับรถไปวันนั้นได้เลย
ครูเต้ย รับรถมาใช้ โดยทางเต็นท์บอกว่า ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์เรื่องทุกอย่างจะเสร็จ พอถึงเวลาได้รับการบ่ายเบี่ยงว่าติดปัญหา โดยรถซื้อมาตั้งแต่เดือนมกราคม จนเดือนเมษายน ครูเต้ยจะขอคืนรถออดี้ ขอเงินคืน จนกระทั่งมาถึงเดือนกรกฎาคม ก็มีตำรวจและไฟแนนซ์เข้ามาตรวจสอบรถ แจ้งว่ารถคันนี้ไม่ได้ส่งค่างวดรถ เกินกำหนดชำระ ต้องมายึดรถ
ครูเต้ย ยืนยันว่า ไม่ทราบจริงๆ ว่ารถมีปัญหา ครูเต้ยเลยให้ตำรวจเอารถไปที่ สน.และได้โทรหาทางเต็นท์ให้มาเคลียร์ ก็พบว่าเจ้าของยังผ่อนไม่หมด แล้วให้ทางเต็นท์ขายให้ ซึ่งในระหว่างที่รอขาย เต็นท์ต้องเป็นคนจ่ายไฟแนนซ์ให้เจ้าของรถ แต่ตอน ครูเต้ย ไปซื้อรถ ทางเต็นท์บอกว่ารถโอนได้ปกติ และไม่ได้บอกว่ารถติดไฟแนนซ์
ปัญหาคือทางเต็นท์เขาไม่คืนรถให้ตน และไม่ยอมคืนเงินตามที่ตกลงกันไว้ ตอนนี้ได้ไปแจ้งความเอาไว้แล้ว อยู่ในช่วงที่กำลังไกล่เกลี่ยกัน ว่าเขาจะคืนรถคืนเงินเรายังไงแบบไหน ส่วนเรื่องที่เขามีปัญหากันเกี่ยวกับรถเราไม่ทราบด้วย ส่วนปัญหาของเราคือเขาไม่คืนรถเรากับเงินเท่านั้นเอง โดยทนายของครูเต้ยไปคุย พยายามไกล่เกลี่ยกันทางโทรศัพท์ คุยกันล่าสุด รถออดี้ของเรา เขาน่าจะขายไปแล้ว เท่าที่คุยกับทนายถ้าไม่ได้รถ เขาก็ต้องคืนเป็นเงินสดทั้งหมดรวมแล้ว ประมาณ 8 ล้าน