โลกส่งสัญญาณแล้วอะไรให้เรารับรู้ กับสิ่งที่เราก่อเอาไว้แล้วมาแก้ไขทีหลัง
ปัญหาภาวะโลกร้อน เป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกคนให้ความสำคัญและเร่งหาแนวทางการแก้ไขอย่างจริงจัง ต้องยอมรับว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมากจากการตัดไม้ทำลายป่า แม้ทุกคนจะทราบเพียงใดก็ตามว่าประโยชน์ของต้นไม้มหาศาลแค่ไหน แต่บางกลุ่ม บางคนก็ยังเลือกที่จะทำลายอยู่ดี…
ต้นไม้ มีความสามารถในการดูดซึมคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ ซึ่งมีมากถึงร้อยละ 80 ของก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้น โดยกระบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ เมื่อทำการดูดซึมแล้วจะกักเก็บไว้ 5 แหล่ง ดังนี้
1. มวลชีวภาพเหนือพื้นดิน (Aboveground Biomass) - ทุกส่วนของต้นไม้ ทั้งลำต้น ใบ ดอกและผล
2.มวลชีวภาพใต้ดิน (Belowground Biomass) – รากต้นไม้
3.ไม้ตาย (Dead Wood) – ต้นไม้ที่ล้มหรือยืนต้นตาย
4.เศษซากพืช (Litter) – ส่วนต่างๆ ของต้นไม้ที่ร่วงหล่นสู่ดิน เช่น กิ่ง ก้าน ใบ ดอก ผล
5.อินทรียวัตถุในดิน (Soil Organic Carbon)
ต้นไม้ที่นิยมปลูกส่วนใหญ่จะเป็นไม้ยืนต้น ใช้ระยะเวลาในการเติบโตค่อนข้างนาน เช่น ต้นยางนา ต้นประดู่ป่า ต้นพะยูง ต้นกระถิน ต้นยูคาลิปตัส เทพา ต้นทุเรียน ต้นมะค่าโมง ต้นตะเคียนทอง และต้นขนุน เป็นต้น ซึ่งต้นไม้ต้นหนึ่งสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 9 - 15 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และยังสามารถผลิตออกซิเจนได้เพียงพอสำหรับ 2 คนต่อปีอีกด้วย
ในภาครัฐบาลของไทย หลังจากที่ได้เข้าร่วมประชุมกับประชาคมโลกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในที่ประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่26 (COP26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ที่เน้นย้ำว่าประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 ด้วยเหตุนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมีนโยบายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (EGAT Carbon Neutrality) ร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีมาตรการที่จะดำเนินการภายในปี พ.ศ.2580 ได้แก่
1. มาตรการการปลูกและฟื้นฟูป่าธรรมชาติ 11 ล้านไร่ ในพื้นที่ต่างๆ เช่น ป่าสงวน พื้นที่ คทช. (ลุ่มน้ำ 1,2) ป่าชุมชน ป่าอนุรักษ์ ป่าชายเลน และพื้นที่ ส.ป.ก. เป็นต้น
2. มาตรการส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจ 16 ล้านไร่ ในพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ พื้นที่ ค.ท.ช. (ลุ่มน้ำ 3,4,5) พื้นที่ป่าไม้ถาวร (ลุ่มน้ำ 3,4,5) พื้นที่ ส.ป.ก. ในเขตป่าสงวน และพื้นที่เอกชน (ที่ดินกรรมสิทธิ์)
3. มาตรการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและชนบท 3 ล้านไร่ รวมถึงมาตรการป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าและการป้องกันการเผาป่า ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เกี่ยวกับการเพิ่มพื้นที่สีเขียวทุกประเภท ให้ได้ร้อยละ 55 ภายในปี พ.ศ. 2580 ซึ่งจะสามารถเพิ่มการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกจากศักยภาพที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้ถึง 120 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
อีกโครงการคือ โครงการปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วม ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับกระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “ EGAT Carbon Neutrality” โดยมีเป้าหมายในการปลูกป่าปีละหนึ่งแสนไร่ รวมจำนวนหนึ่งล้านไร่ ระหว่างปี พ.ศ.2565-2574 ประกอบด้วย ป่าอนุรักษ์ ป่าชายเลน ป่าชุมชน และป่าเศรษฐกิจ โดยคาดว่าทั้งโครงการฯ ประเทศไทยจะสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงหนึ่งล้านตันต่อปีเลยทีเดียว.......


