อนุมัติซื้อได้ทุกอย่าง ยกเว้นงบอาหารสัตว์หลายแห่งถูกตัดงบ ขอความเห็นใจกันบ้างเหอะ !!!
“วิกฤตแล้ว! งบอาหารสัตว์หลายแห่งถูกตัดงบ ทำสัตว์ป่าเดือดร้อน!
หลังจากที่ มูลนิธิสืบฯ ได้ออกมาจี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาวิกฤตงบฯ ดูแลสัตว์ป่า พบในช่วง 4 ปี งบดำเนินการและงบลงทุนของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า หายไป 241 ล้านบาท หนักสุดค่าอาหารสัตว์ป่าในสถานีเพาะเลี้ยงฯ 23 แห่ง ลดกว่า 60% เหลือปีละ 3-4 แสนต่อแห่ง
ทางด้านนายศศิน เฉลิมลาภ ประธานกรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เปิดเผยผ่านรายการ "SEUB TALK" เกี่ยวกับวิกฤตปัญหาสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ถูกตัดลดงบประมาณ ว่า เมื่อย้อนดูข้อมูลจะพบว่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถูกตัดลดงบฯ ปีละหลายร้อยล้านบาทมาโดยตลอด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 แม้งบฯ จะดูเหมือนลดลงไม่มาก โดยปี 2562 อยู่ที่ 11,858 ล้านบาท และปี 2565 อยู่ 9,971 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม งบฯ ที่ไม่ได้ถูกตัดลด คือ เงินเดือนของข้าราชการ และงบฯ ลงทุนโครงการต่าง ๆ ที่ถูกตัดลดเพียงเล็กน้อย แต่ในส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก คือ งบดำเนินการและงบลงทุนของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่านายศศิน กล่าวว่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า มีภารกิจดูแลเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า รวมทั้งสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า สถานีวิจัยสัตว์ป่า ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า แต่ขณะนี้สถานการณ์ของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า เข้าขั้นวิกฤต "แทบไม่มีการซื้ออาหารให้เสือกิน" ไม่มีเงินซื้ออาหารให้ลิงเป็นร้อย ๆ ตัว กวาง และสัตว์กีบที่เพาะพันธุ์เพื่อปล่อยสู่ธรรมชาติประธานกรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยังเล่าว่า งบฯ ที่ลดลง กระทบงานดูแลสัตว์ป่า ยกตัวอย่างเคสช้างป่าเกเรที่จะย้ายไปไว้ในศูนย์กักกัน สำนักฯ ได้ของบฯ ซื้อรถที่มีมาตรฐานในการเคลื่อนย้าย ไม่ใช่การยิงยาสลบและเคลื่อนย้ายด้วยรถบรรทุก ขณะนี้ก็เพิ่งได้รับอนุมัติและยังไม่ได้รถคันดังกล่าวจริง
นอกจากนี้ ยังถูกลดงบฯ ลงทุน ก่อสร้างเพนียด รั้วกันช้าง ขุดคูกันช้าง รวมทั้งการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสัตว์ป่า ก็ได้รับผลกระทบที่สำคัญ งบฯ ค่าอาหารสัตว์ป่าในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ถูกตัดลด 60% ซึ่งสถานีฯ มีหน้าที่เพาะพันธุ์สัตว์ป่าที่สำคัญต่อระบบนิเวศ เช่น ไก่ป่า ละอง ละมั่ง เนื้อทราย แร้ง, เลี้ยงดูสัตว์ของกลางไว้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ต้องกินอาหาร รักษาโรค ดูแลสวัสดิภาพ สวัสดิการให้อยู่ในมาตรฐาน รวมถึงดูแลสัตว์จากต่างประเทศที่ถูกปล่อย และสัตว์ป่าพิการ ไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ นอกจากนี้ ยังมีคลินิกสัตว์ป่า 3 แห่ง ทำหน้าที่ตรวจโรคในสัตว์ที่ถูกนำมาปล่อย หรือการติดเชื้อโรคในสัตว์ป่า รวมทั้งการกักกันโรคจากสัตว์ป่ามาสู่คน
เมื่อกางตัวเลขงบประมาณค่าใช้สอยของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า 23 สถานี พบว่าปี 2562 อยู่ที่ 29.9 ล้านบาท, ปี 2563 อยู่ที่ 17.8 ล้านบาท, ปี 2564 อยู่ที่ 16.2 ล้านบาท และปี 2565 อยู่ที่ 10.6 ล้านบาท หรือลดลง 3 เท่า จากปี 2562 ทำให้แต่ละสถานีฯ ที่เคยได้รับงบฯ ปีละล้านกว่าบาท จะเหลือเพียง 300,000-400,000 บาทนายศศิน กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาเบื้องต้น ว่า อยู่ระหว่างประสานขอขยะอาหาร หรือ Food Waste รวมถึงผลไม้ที่หมดอายุแล้วจากห้างสรรพสินค้าใหญ่ เพื่อช่วยเหลือในระยะสั้น รวมทั้งขอระดมทุนค่าขนส่งไปยังสถานีฯ ระยะกลางอาจพัฒนากองทุนฯ ระดมเงินช่วยเหลือให้ผ่านพ้นปี 2565-2566 ไปก่อน
ส่วนในระยะยาว ต้องหารือว่าจะทำอย่างไรให้งบฯ เพียงปีละ 30 ล้านบาท ไม่ถูกตัดลดอีก ซึ่งนายศศิน ยืนยันว่า รัฐบาลและผู้บริหารประเทศ ควรรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้ และต้องใช้ในส่วนงบฯ ปกติ เพราะการดูแลสัตว์ป่า เป็นเรื่องการอนุรักษ์ หลักศีลธรรม และการสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการ
ในส่วนทางด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แสดงความกังวลถึงกรมอุทยานฯ ถูกตัดงบฯ เหลือปีละ 10 ล. จากเดิม 90 ล. ไม่เพียงพอดูเเลสัตว์ป่าในสถานีเพาะเลี้ยง 2.6 หมื่นตัว เผยต้องใช้อย่างน้อยปีละ 55 ล. โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติเเละสิ่งเเวดล้อม โพสต์ในเเฟนเพจเฟซบุ๊ก
TOP Varawut - ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา
ถึงกรณีงบประมาณของกรมอุทยานฯ ถูกตัด โดยตั้งคำถามว่า “เราจะดูแลสัตว์ป่ากว่า 26,000 ตัว อย่างไร? ภายใต้งบประมาณที่มีจำกัด โดยยังคงรักษามาตรฐานการคุ้มครองสวัสดิภาพของสัตว์ป่าทุกชีวิต เชื่อว่าคนรักสัตว์ป่าหลายท่าน คงได้ทราบข่าวและกังวลใจกรณีกรมอุทยานฯ ถูกลดงบประมาณดูแลสัตว์ป่า จากเดิมก่อนยุคโควิดได้รับปีละ 90 ล้านบาท เหลือเพียง 10 ล้านบาท ซึ่งสวนทางกับจำนวนสัตว์ป่าของกลางที่เพิ่มขึ้น ที่ต้องใช้งบประมาณอย่างน้อยปีละ 55 ล้าน เพื่อดูแลสัตว์ในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า 2.6 หมื่นตัว
เบื้องต้น พวกเราได้เร่งหาหนทางแก้ไขปัญหา เพื่อให้แน่ใจได้ว่า สัตว์ป่าทุกตัวจะได้กินอิ่ม ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากการอดอยาก โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา กรมอุทยานฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ร่วมกับบริษัท สยามแม็คโครฯ เพื่อนำ “อาหารส่วนเกิน” ที่เหลือจากการจำหน่ายของห้างสรรพสินค้าในเครือแมคโคร มาบริจาคใช้เป็นอาหารสัตว์ป่า เพื่อทดแทนในส่วนของงบประมาณอาหารสัตว์ป่าที่หายไป และยังลดปัญหาขยะอาหาร ที่นอกจากสิ้นเปลืองงบประมาณรัฐในการกำจัด แล้วยังก่อให้เกิดก๊าซมีเทนที่เป็นตัวการสร้างภาวะโลกร้อนอีกด้วย
ในส่วนของบริษัท สยามแม็คโครฯ จะส่งมอบอาหารที่ยังรับประทานได้หรือเรียกว่า“อาหารส่วนเกิน” (Food Waste) ที่เหลือจากการจำหน่าย เช่น ผัก ผลไม้ อาหารสด เป็นต้น ให้หน่วยงานพื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่อยู่ใกล้กับสาขาของศูนย์จำหน่ายสินค้าแม็คโครในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า 23 แห่ง ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่า 3 แห่ง และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก 1 แห่ง รวมทั้งสิ้น 27 แห่ง
สำหรับงบประมาณในปี 2564 และ 2565 ที่ได้รับมาในจำนวนที่ค่อนข้างไม่เพียงพอ ที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการแบ่งเงินจากส่วนอื่น ๆ เข้ามาทดแทน เช่น เงินรายได้จากการเข้าชมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ซึ่งมีรายได้ต่อปีประมาณ 10 กว่าล้านบาท
โดยปี 2564 อยู่ที่ 16 ล้านบาท ก็นำมาช่วยเหลือดูแลสัตว์เกือบทั้งหมด รวมทั้งประสานงานภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ในการรับบริจาคอาหารบางส่วน มาช่วยเหลือสัตว์ป่า อย่างเช่นข้อตกลงที่เราทำร่วมกับแมคโครในครั้งนี้ ซึ่งขณะนี้นอกจากแมคโครแล้ว ผมและทีมงาน ก็กำลังพยายามประสานงานติดต่อห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาเก็ตเครืออื่นๆในประเทศ เพื่อขอรับอาหารส่วนเกินมาเลี้ยงสัตว์ป่าในความดูแลของเราด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ กรมอุทยานฯมีสัตว์ของกลางในคดี และสัตว์ป่วยที่ต้องดูแลเพิ่มขึ้นทุกปี สัตว์หลายชนิดไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ ทำให้รายจ่ายที่ใช้ในปีถัดๆไป มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น เคสเสือโคร่งวัดป่าหลวงตาบัว เป็นสายพันธุ์เบงกอล ไซบีเรีย และพันธุ์ผสมสองสายพันธุ์ ขณะนี้เหลือ 46 ตัว ที่เราต้องเลี้ยงดู จนกว่าจะหมดอายุขัย ไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ เนื่องจากสายพันธุ์ไม่ตรงกับเสือโคร่งในป่าไทยที่เป็นสายพันธุ์อินโดจีน อีกทั้งเสือดังกล่าวไม่มีสัญชาตญาณป่า ล่าสัตว์เองไม่เป็น ส่วนสัตว์ป่าที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ ก็จะปล่อยคืนทั้งหมด เช่น ช้างป่าที่ป่วยหรือบาดเจ็บ เมื่อดูแลสุขภาพจนแข็งแรงแล้ว ก็จะปล่อยในพื้นที่ที่มีแหล่งอาหาร หรือถิ่นที่อยู่อาศัยเดิม
#สำนักอนุรักษณ์ #สถานี้เพาะเลี้ยงสัตว์ป่า #งบประมาณสัตว์
https://www.facebook.com/SeubNakhasathienFD/photos






















