ถึงรัฐบาลนี้มันจะแย่ แต่ยังมี รัฐมนตรี และ สส. บางพรรคที่ทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่อยู่บ้าง !!
สำหรับ กระทู้นี้ไม่อยากกล่าวถึงผลงานรัฐบาลที่นำโดยท่านประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และท่านอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีสาธารณสุข เพราะถ้ากล่าวไปก็มีแต่ทั้งดีและไม่ดี (แต่ถ้าจะไม่ดีซะส่วนมาก) เอาเป็นว่ากระทู้นี้เขียนขึ้นมาเนื่องจากกระแส การกดดันพรรครวมรัฐบาลให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลของท่านประยุทธ ซึ่งรวมที่นั้ง สส ฝ่ายรัฐบาลมีทั้งหมด รวม 271 คน สส.พรคฝ่ายค้านรวม 212 คน กระแสกดดัดให้พรรคร่วมรัฐบาลลาออกจะเน้นหนักไปที่ 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคภูมิใจไทย กับ พรรค ประชาธิปัตย์ เป็นหลัก หากสองพรรคนี้ถอนตัว ฝ่ายพรรครวมรัฐบาลก็จะเหลือแค่ที่นั้ง 162 เสียง ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบสภาพเลือกตั้งใหม่ก็เป็นได้ แต่ถึงกระนั้นก็เหอะ 2 พรรคนี้ ก็ยังมีกระแสความเหนี่ยวแน่น ที่ยังมั่นคงและลั่นวาจาว่าจะไม่ทิ้งรัฐบาลพลเอกประยุท์นายกรัฐมนตรี พร้อมยืนเคียงข้างร่วมกับพรรคที่คะแนนเสียงมากที่สุดคือ พรรคประชารัฐ อย่างดีแน่นอน อันนี้ก็ต้องว่าปล่อยไปตามยถากรรมการเมืองไทยต่อไป ว่าจะเป็นอย่างไร
แต่ในสิ่งที่จะนำเสนอวันนี้คือ พรรคร่วมรัฐบาลที่มีผลงานดีๆ สส. น้ำดีของพรรค และไม่ค่อยเห็นประชาชนต่อว่าต่อขานนักก็เห็นมีอยู่ไม่กี่พรรค ที่แม้ถึงจะโดนกดดัดให้ออกจากการร่วมรัฐบาล แต่ทางพรรคยังขอต่อสู้ในการทำงานในหน้าที่ของตัวเอง ในกระทรวงต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายมา รวมถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ตามที่พรรคตัวเองได้สัญญาไว้ก่อนการเลือกตั้งเข้ามา
ดังเช่น พรรคชาติไทยพัฒนาที่ถึงแม้จะมี ฐานเสียง สส. ทั่วประเทศทั้งหมดแค่ 12 ท่าน ทั่วประเทศ แต่ในพื้นที่หลักคือฐานเสียงจังหวัดสุพรรบุรี โดยมีท่านวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา เด่น เรื่องอนุรักษ์สัตว์ป่า สัตว์ทะเล จัดการขบวนการทำผิดกฎหมายทำลายทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม สานต่อให้ประชาชนอยู่กับป่าเพื่อเศรษฐกิจฐานราก และอื่น ๆ นำทีมทำผลงานแก้ไขปัญหาทั้งทางด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดีและเห็นผลงานชัด ล่าสุดเลยผลงานที่โดดเด่นล่าสุดคงจะเป็นผลงานที่ผลักดันให้กลุ่มป่าแก่งกระจานเข้าสู่ มรดกโลกอันที่ 6 ของประเทศไทยได้อย่างสำเร็จหลังจากพยายามมานานหลายปี และท่านยังได้มีการสั่งการให้ สส. ในพื้นที่ ต่างๆ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจัดการขยะต่างๆ รวมถึงการจัดการแก้ไขปัญหาโควิด 2019 ในพื้นที่ของ สส.ท่านที่ดูแลอยู่ในมีประสิทธิภาพและทำได้จริง(เช่น ผลงานที่เคยเขียนไปก่อนหน้านี้ https://board.postjung.com/tp-v0wi )
ส่วนอีกท่านที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์คือท่าน เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ หลักๆ ในหน้าที่ของตัวเองคือ โครงการเยียวเกษตรกรจากพิษโควิด 19 ที่เคยขึ้นทะเบียนในโครงการเยียวยาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเกษตรกรเกือบ 8 ล้านรายได้รับเงินเยียวยารายละ 15,000 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงเดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ระหว่างเดือน มิ.ย.-ส.ค. โดย รมว.เกษตรฯ ยังมอบนโยบายให้เกษตรกรรายใหม่และที่ตกหล่นสามารถลงทะเบียนได้ครบถ้วนโดยต้องครอบคลุมไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและทุกขั้นตอนต้องตรวจสอบความถูกต้อง (แต่ก็เป็นผลงานของปีที่แล้ว) ผลงานฟรุ้ทบอร์ด เห็นชอบแผนบริหารจัดการผลไม้ช่วงโควิด-19 ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) ซึ่งเป็นกลไกแกนหลักของฟรุ้ทบอร์ดเร่งทำงานเชิงรุกดูแลผลไม้ภาคใต้และลำไยภาคเหนือภายใต้แผนปฏิบัติการปี 2564 ของฟรุ้ทบอร์ด โดยเฉพาะในช่วงที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดมาก โดยเน้นการขับเคลื่อนแผนการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศโดยให้นำแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออกมาเป็นต้นแบบ ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ทั้งเรื่องราคาและตลาดจากการทำงานเชิงรุกและเพิ่มกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ เช่น ระบบสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-order) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ในการส่งออกทุเรียนไปตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 เร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
และคงมีอีกท่าน นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ออกมาแก้ไขเรื่องโรคระบาดที่เรียกว่า "ลัมปี สกิน" จากเชื้อไวรัสพบในโค กระบือ และสัตว์เคี้ยวเอื้องเป็นหลัก ได้จัดชงครม.จัดงบวัคซีนสกัดโรคลัมปี-สกิน พร้อมเยียวยาเต็มที่ให้แก่เกษตรผู้เลี้ยงสัตว์ที่เดือดร้อน สั่งซื้อวัคซีน ลอตแรก 60,000 โดส ได้มาถึงไทย ก่อนจะมาเพิ่มเติมอีก 300,000 โดส จัดส่งให้ถึงผู้เลี้ยง จึงต้องมีแผนกระจายวัคซีนเท่าที่มีอยู่ ในการควบคุมโรค และชะลอการนำเข้าโคกระบือ ทั้งมีชีวิตและซาก จากเมียนมาก่อน สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมเสนอต่ออธิบดีกรมบัญชีกลางและปลัดกระทรวงการคลังเพื่อปรับปรุงระเบียบการจ่ายเงินชดเชยกรณีโค -กระบือ สำหรับอัตราเงินชดเชยตามขั้นตอนต่างๆนอกจากนี้ยังจะให้เพิ่มการชดเชยจากเดิมให้ให้เกษตรกรเจ้าของโค-กระบือ ตามจริง แต่ไม่เกินรายละ 2 ตัว จะปรับเป็น 5 ตัวต่อรายนอกจากนี้ นายประภัตรยังได้แนะนำโครงการประกันโค - กระบือ ของกรมปศุสัตว์ ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ โดยจ่ายเบี้ยเพียงเดือนละ 100 บาท จ่ายทั้งสิ้น 4 เดือน คุ้มครองการตายทุกกรณี จ่ายเงิน 30000 บาทต่อตัว และโครงการเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ล้านละร้อย โดยเกษตรกรต้องรวมกลุ่มให้ได้ 7 คน จัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ทำเกษตรกรรม โดยมีตลาดรองรับผลผลิต ก็สามารถยื่นกู้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ ระยะเวลากู้ 3 ปี หากเกษตรกรสนใจโครงการดังกล่าว สามารถติดต่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานปศุสัตว์หรือธกส. ในพื้นที่
จะเห็นว่าที่กล่าวมา ก็ยังมีรัฐมนตรีและ สส.แนวร่วมรัฐบาลที่ยังคงพึ่งพาได้อีกหลายท่าน ที่ทำประโยชน์เพื่อประชาชนและทำตามคำพูดที่ให้ไว้อย่างมีสัจจะ ดูแลพี่น้องประชาชนได้อย่างดี ขอให้ท่านพวกนี้ได้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ก่อนที่จะเกิดปัญหาอะไรใหญ่โตตามมาสำหรับการเมืองไทยวันนี้ อยากให้ดูที่ผลงานการกระทำมากกว่าการเกลียดชังบุคคลใครบุคคลหนึ่งแล้วพาลไม่เห็นผลงานท่านอื่นเพียงเพราะพวกเค้าไม่เห็นด้วยกับการเลี้ยงร้องของพวกคุณเลย ให้เค้าได้ทำงานตามหน้าและผลงานให้สุดความสามารถก่อนอย่าเพิ่งเหมารวมไปหมดเลย ฝากไว้ให้คิดนิดหนึ่ง ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ขอให้ปล่อยผ่านกระทู้นี้ไป ขอบพระคุณที่อ่านจนจบ ตามเหตุผลใครเหตุผลมัน
อ้างอิงจาก: shorturl.asia/kJ8Fw,shorturl.asia/wgy23,shorturl.asia/1U3fL