Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageราคาทองคำ
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ดร.โสภณส่ง จม.ถึงนายกฯ เรื่องต่างชาติซื้ออสังหาฯ

เนื้อหาโดย doctorsopon

ในเช้าวันอังคารที่ 1 มิถุนายน 2564 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอย่างเหมาะสม ไม่เป็นการขายชาติและไม่เสียเปรียบแก่คนต่างชาติ

 

  5/15 ถ.นนทรี ยานนาวา กทม.10120

1    มิถุนายน    2564

เรื่อง      ขอเสนอแนวทางการให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

เรียน     พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
            นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน

                     ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ศึกษาเกี่ยวกับการอนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย  ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และมีประสบการณ์อสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศทั่วโลกโดยเคยเป็นที่ปรึกษาในโครงการขององค์การสหประชาชาติหลายแห่ง และกระทรวงการคลังหลายประเทศ มีความเห็นขอนำเสนอ

ข้อมูลการซื้ออสังหาฯ โดยชาวต่างชาติ
                     จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) พบว่าในปี 2563 มีการซื้อขายห้องชุดจากผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินจำนวน 28,947 หน่วย รวมมูลค่า 95,791 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ยหน่วยละ 3.309 ล้านบาท  ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติซื้อห้องชุดจำนวน 1,017 หน่วย รวมมูลค่า 3,378 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.322 ล้านบาท นัยสำคัญของการนี้ก็คือต่างชาติซื้อห้องชุดในสัดส่วน 3.5% ของหน่วยที่ขายไปทั้งหมด หรือหากคิดในแง่มูลค่า ต่างชาติก็ซื้อไปราว 3.5% เช่นกัน  กรณีนี้ชี้ว่าต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์น้อยมาก ทั้งนี้คงเป็นเพราะสถานการณ์โควิด และชาวต่างชาติที่มาซื้อจริงคงเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก

                     เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด-19 ปรากฏว่าชาวต่างชาติมาซื้อห้องชุดถึง 6,557 หน่วย จากที่ขายได้ทั้งหมด 54,303 หน่วย ซึ่งมากกว่าปี 2563 ถึงประมาณ 6.5 เท่า หรืออีกนัยหนึ่งปี 2562 ชาวต่างชาติซื้อห้องชุดเพียง 12% ของห้องชุดที่ขายได้ทั้งหมดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ตัวเลขข้างต้นแสดงชัดว่าในปี 2563 ชาวต่างชาติชะลอการซื้อห้องชุดในกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก  การนี้จึงกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทพัฒนาที่ดินอย่างชัดเจน

                     ส่วนในแง่มูลค่า  การขายห้องชุดจากบริษัทพัฒนาที่ดินทั้งหมดในปี 2562 มีมูลค่า 209,254 ล้านบาท ปรากฏว่าชาวต่างชาติซื้อห้องชุด 30,516 ล้านบาท หรือเท่ากับซื้อที่ 14.6% ของมูลค่าห้องชุดที่ขายได้ทั้งหมดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมูลค่าห้องชุดที่ขายให้ชาวต่างชาติในปี 2562 มากกว่าปี 2563 ถึง 9 เท่า หรืออีกนัยหนึ่งมูลค่าห้องชุดที่ชาวต่างชาติซื้อในปี 2563 เป็นเพียง 11% ของที่ชาวต่างชาติเคยซื้อในปี 2562  อย่างไรก็ตามราคาขายห้องชุดให้กับชาวต่างชาติในปี 2563 ณ ราคา 3.322 ล้านบาท มีราคาถูกกว่าที่ต่างชาติซื้อในปี 2562 ณ ราคา 4.654 ล้านบาท โดยเป็นเพียง 71% เท่านั้น





                     เมื่อแยกแยะการซื้อห้องชุดของชาวต่างชาติตามทำเล จะพบว่า มีการซื้อขายมากสุดในทำเล I ใจกลางเมือง ถึง 1,164 ล้านบาท หรือราวหนึ่งในสาม (34.5%) ของทั้งหมดที่ต่างชาติซื้อ แสดงว่าต่างชาติคงไม่ได้มุ่งซื้อในทำเลอื่นๆ มากนัก ยกเว้นแถว ทำเล C บางซื่อ-ติวานนท์ 414 ล้านบาท (12.3%) ทำเล F รัชดา-ลาดพร้าว 338  ล้านบาท (10.0%)  หากจะให้ต่างชาติซื้อห้องชุด  จึงควรจำกัดเฉพาะในเขตใจกลางเมืองเป็นหลัก ไม่ใช่ให้ซื้อได้ทั่วไปหมด





                     ระดับราคาห้องชุดที่ต่างชาติซื้อมากที่สุดในปี 2563 ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลก็คือ ราคา 2-3 ล้านบาท มีสัดส่วน 30.2% รองลงมาคือระดับราคา 3-5 ล้านบาท (25.6%) และระดับราคา 5-10 ล้านบาท (24.5%) แสดงว่าสินค้าห้องชุดที่ชาวต่างชาติซื้อนั้น ไม่ได้ซื้อต่างไปจากราคาที่คนไทยซื้อมากนัก ดังนั้นหากเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติซื้อห้องชุด ควรกำหนดให้ซื้อได้ในราคาที่สูงขึ้น เช่น ตั้งแต่ 10 ล้านบาทเป็นต้นไป หาไม่จะเป็นการมาแย่งตลาดของคนไทยเอง ทำให้ราคาห้องชุดในกรุงเทพมหานครสูงขึ้น ความสามารถในการซื้อของประชาชนก็ลดต่ำลง

                     ต่อกรณีการให้ต่างชาติซื้อห้องชุดนั้น แม้ในปี 2562 ที่ไม่มีปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ต่างชาติก็ซื้อห้องชุดในมือผู้ประกอบการ 30,516 ล้านบาท ในแง่หนึ่งมองได้ว่าสินค้าห้องชุดของผู้ประกอบการมีชาวต่างชาติเป็นลูกค้าราว 15% นอกนั้นเชื่อว่าเป็นนักลงทุน (เก็งกำไรระยะสั้นหรือยาว) อีกราว 20% ที่เป็นผู้ซื้อตัวจริงคือผู้อยู่อาศัยเองอาจมีราว 65% หรือสองในสามของทั้งหมด  การที่เศรษฐกิจตกต่ำลงเพราะโควิด-19 ทำให้ตลาดของผู้ประกอบการหดตัวลงไปประมาณหนึ่งในสาม  กระแสเงินสดคงเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการในขณะนี้

                     อีกประการหนึ่งลำพังรายได้จากผู้ซื้อต่างชาติที่ 30,516 ล้านบาท ณ ปี 2562 ซึ่งเป็นการซื้อจากผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน หากสมมติให้ซื้อจาก “บ้านมือสองอีกเท่าตัว” ก็คงเป็นเงินเพียง 61,032 ล้านบาท และต่อให้กระตุ้นให้ต่างชาติมาซื้อห้องชุดอีก 1 เท่าตัวเป็นเงิน 122,064 ล้านบาท ก็คงยังน้อยมากหรือน้อยเกินกว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติได้  ยิ่งเมื่อคำนึงถึงภาษีปกติที่จัดเก็บเพื่อการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ 3% ก็จะได้ภาษีเพียง 3,662 ล้านบาท ซึ่งคงไม่มีนัยสำคัญต่อการคลังของประเทศแต่อย่างใด

มาตรการที่ไทยเคยมีและไม่ได้ผล
                     ประเทศไทยเคยให้ต่างชาติซื้อห้องชุดในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อปี 2540 แต่สุดท้ายก็ยกเลิกไปเมื่อปี 2547 เพราะมีต่างชาติเข้ามาซื้อน้อยมาก ทั้งนี้เพราะในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ราคาไม่ค่อยขึ้น ต่างชาติจึงไม่ซื้อ (ยกเว้นจะสามารถซื้อได้ในราคาต่ำกว่าราคาตลาดเท่านั้น)





                     จากข่าวในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2547 ปรากฏว่ามาตรการที่ให้ต่างชาตินำเงินมาลงทุนในไทย (40 ล้านบาท) แล้ให้ซื้อที่ดินไม่เกิน 1 ไร่นั้น ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (2542-2547) มีต่างชาติมาซื้อเพียง 3-4 รายเท่านั้น  พวกเขาคงไม่ต้องการนำเงินมา “จม” ในประเทศไทย  ส่วนที่ให้ต่างชาติซื้อห้องชุดได้ 100% นั้น ก็ได้รับการยกเลิกไปเหลือ 49% เพราะมีเพียง 2 โครงการที่มีต่างชาติซื้อเกิน 49% ทั้งนี้เพราะในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำ ราคามักไม่ขึ้น ต่างชาติไม่สามารถทำกำไรได้ จึงไม่ซื้อ

กรณีศึกษาในต่างประเทศ
                     สำหรับในต่างประเทศ การให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์เขามีมาตรการอะไรบ้าง: <1>
                     1. จีน เปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อบ้านแนวราบได้ แต่แท้จริงแล้วให้เช่าที่ดินแค่ 70 ปียิ่งในกรณีที่ดินเปล่า โอกาสเช่ายุ่งยากกว่าไทยมากนัก  ในกรณีซื้อห้องชุดในจีน อาจถือว่าซื้อขายขาด แต่แท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับว่าที่ดินแปลงห้องชุดนั้น ยังมีสัญญาเช่ากับรัฐบาลเหลืออีกกี่ปี อาจเพียงแค่ 40-50 ปี ไม่ใช่ 70 ปี ยิ่งถ้าห้องชุดนั้นเหลือเวลาสั้นๆ โอกาสที่จะขายต่อยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้  ที่สำคัญที่สุดก็คือ จีนอนุญาตให้ต่างชาติซื้อบ้านหรือห้องชุดได้เพียงหลังเดียว ไม่ใช่มาซื้อเปรอะเก็งกำไรกันใหญ่ และผู้ซื้อต้องเป็นผู้ที่อยู่อาศัยในจีนเกิน 1 ปีเท่านั้น ไม่ได้ปล่อยให้ “ฝูงแร้ง” มาเก็งกำไรแต่อย่างใด

                     2. ไต้หวัน ก็เปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อห้องชุดได้เช่นกัน แต่เขามีนโยบาย 3-4-5 คือ ต่างชาติซื้อห้องชุดแล้ว ต้องไม่ขายต่อภายในระยะเวลา 3 ปี (เพื่อป้องปรามการเก็งกำไร แต่ไทยไม่มีข้อนี้) ส่วน 4 ก็คือชาวต่างชาติมาอยู่อาศัยในจีนได้ต่อเนื่องไม่เกิน 4 เดือนต่อปี ไม่ใช่ให้อยู่จน “รากงอก” แบบไทยๆ  และ 5 ก็คือ ให้ต่างชาติกู้เงินธนาคารท้องถิ่นซื้อบ้านได้ แต่ต้องไม่เกิน 50% เป็นต้น

                     3. สิงคโปร์ ก็เปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อห้องชุดได้ (ที่ดินคงแทบเป็นไปไม่ได้) โดยไม่จำกัดราคาเพราะราคาเฉลี่ยห้องชุดเอกชนสูงถึง 41.7 ล้านบาท แต่ผู้ซื้อต้องเสียภาษีประมาณ 20-25% ของราคาขายแก่รัฐบาลทันทีที่ซื้อ และต่างชาติซื้อห้องชุดได้เฉพาะห้องชุดภาคเอกชน ที่มีอยู่เพียง 20% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด ห้องชุดของการเคหะแห่งชาติสิงคโปร์ (80% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด) สงวนไว้สำหรับชาวสิงคโปร์เท่านั้น

                     4. ฮ่องกง ก็คล้ายสิงคโปร์ แต่โหดกว่าตรงที่กำหนดให้ภาษีซื้อที่ต้องเสียให้กับรัฐบาลสูงถึง 30% แต่สำหรับประเทศไทยกำหนดไว้เพียง 2-3% เท่านั้น  การให้ต่างชาติซื้อบ้านและที่ดินในไทยจึงถือเป็นการ “ขายชาติ” ชัดๆ

                     5. มาเลเซีย กำหนดราคาขั้นต่ำให้ซื้อไว้ที่ประมาณ 1-2 ล้านริงกิต หรือ 7.5-15 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ และกำหนดพื้นที่ให้ซื้อด้วย ไม่ใช่ซื้อ “เปรอะไปหมด”

                     6. ออสเตรเลีย กำหนดให้ต่างชาติซื้อได้แต่บ้านมือหนึ่ง บ้านมือสองไม่ให้ซื้อ ดังนั้นหลังจากต่างชาติซื้อแล้ว จะขายต่อ ต้องขายแก่คนท้องถิ่นเท่านั้น  ที่เขาไม่ให้ต่างชาติซื้อบ้านมือสองเพราะจะทำให้บ้านมือสองแพงขึ้น อาจทำให้คนท้องถิ่นเดือดร้อนไม่สามารถซื้อบ้านได้

                     7. สหรัฐอเมริกา ให้ซื้อบ้านได้อย่างเสรี แต่ทีเด็ดก็คือต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีละ 1.5% ของราคาขายของแต่ละปี และเสียค่าส่วนกลางอีก 1.5% เช่นกัน นอกจากนี้ยังต้องเสียภาษีมรดกอีก แต่ไทยไม่มีการเก็บแบบนี้ นี่ก็เข้าข่าย “ขายชาติ” เหมือนกัน

การเช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวไม่จำเป็น
                     ธุรกิจต่างๆ สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้โดยไม่จำเป็นต้องเช่าที่ดินระยะยาว ที่ดินเป็นเพียงปัจจัยการผลิตมูลค่าต่ำเมื่อเทียบกับอาคารและเครื่องจักร ที่ผ่านมาการเช่าที่ดิน 30-50 ปีก็คุ้มค่าแล้ว
                     1. ที่ผ่านมาในการลงทุนสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นโฮปเวลล์ ทางด่วนขั้นที่ 2 (กูมาไกกูมิ) หรือดอนเมืองโทลเวย์ ก็ล้วนใช้เงื่อนไข 30 ปีทั้งสิ้น  ต่างชาติก็ยินดีมาลงทุน
                     2. ในการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ต่างชาติก็สามารถซื้อดินในนิคมอุตสาหกรรมไทยได้อยู่แล้ว และมีกำไรได้ในเวลาไม่กี่ปี  โครงการใดที่รอกำไรถึง 30 ปีก็คงไม่รอดอยู่แล้ว  ปกติแล้วในการลงทุน ต้นทุนหลักคงเป็นเครื่องจักร และบุคลากร ที่ดินคงมีสัดส่วนเพียง 10-15% ของการลงทุนแบบนี้
                     3. แม้การลงทุนของไทยเอง เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว เช่าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย 30 ปีก็กำไรมหาศาลแล้ว การต่อสัญญาครั้งใหม่ ก็ทำให้การรถไฟฯ สามารถมีรายได้อีกกว่าสองหมื่นกว่าล้านบาท หากใช้เฃ่าระยะยาว 90-99 ปีก ย่อมขาดรายได้นี้  แม้แต่กรณีโรงแรมดุสิตธานีก็เช่นกัน เมื่อหมดสัญญาเช่า ก็ต้องคิดค่าเช่าที่ดินไม่ ไม่ใช่ให้คิดในราคาต่ำ ๆ ต่างจากราคาตลาดในช่วงการทำสัญญาครั้งแรก

มาตรการที่ควรมีก่อนให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัมทรัพย์
                     การกระตุ้นให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ยังอาจก่อปัญหาต่างๆ ในอนาคตอีกมาก รัฐบาลจึงควรพิจารณาให้ถ้วนถี่ โดยผมขอเสนอมาตรการต่อไปนี้:

                     1. กำหนดให้ชาวต่างชาติที่อยู่อาศัยในประเทศเกิน 1 ปีแล้ว เช่นอารยประเทศ สามารถซื้อบ้านได้ ไม่ใช่ใครๆ ก็เข้ามาซื้อบ้านได้ เพื่อป้องกันการเก็งกำไร

                     2. จัดเก็บภาษีซื้อโดยชาวต่างชาติเช่นอารยประเทศอีก 10-15% เป็นอย่างน้อย เพื่อให้มีรายได้เข้าประเทศ ทั้งนี้สิงคโปร์กำหนดการจัดเก็บภาษี 20-25% ส่วนฮ่องกงกำหนดไว้สูงถึง 30%

                     3. จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เฉพาะชาวต่างชาติ เช่นที่ชาวต่างชาติต้องเสียในประเทศของตนเองอีก 1.5% ต่อปีของมูลค่าตลาดที่ซื้อ เพื่อนำเงินมาพัฒนาท้องถิ่น  กรณีนี้แม้ประเทศไทยจะมีข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท แต่สำหรับคนต่างชาติ ควรจะเสียภาษีนี้ เช่นที่ชาวต่างชาติเสียภาษีนี้ในประเทศของตน

                     4. กำหนดให้ชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย โดยเฉพาะ บ้านและห้องชุด สามารถขายต่อได้ ก็ต่อเมื่อผ่านไป 3 ปีแล้วเพื่อป้องกันการเก็งกำไร

                     5. ตั้งคณะทำงานมาตรวจสอบการซื้อโดยชาวต่างชาติเพื่อความมั่นคงของชาติ จะได้ป้องกันปัญหาการใช้  Nominee อย่างที่เป็นอย่างแต่ควรมีแผนการดำเนินงานในระยะยาว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง

                     จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

                                                       ด้วยความเคารพ
                                                   (ดร.โสภณ พรโชคชัย)

อ้างอิง
<1> ก่อนขายแผ่นดินไทยให้ต่างชาติ ฟังทางนี้ก่อน https://bit.ly/3eUc3ga

เเถลงข่าวจดหมายถึงนายกเรื่อง การให้ต่างชาติซื้อ-เช่าอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีมาตรการรองรับ

 

เนื้อหาโดย: doctorsopon
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
doctorsopon's profile


โพสท์โดย: doctorsopon
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
95 VOTES (5/5 จาก 19 คน)
VOTED: nuutip, iwootjung, Taweelux, Suchada Pichitwittay, nj009, Monthida Riabriang, Thasanee Thima, nuudaw, Sarasin Santayasuk, pissamai15, somsak15, tata33, gunsmile 79, janny2313, mimi23, iluhoo, newwiieek, doctorsopon, trebs
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สิบเลขขายดี แม่จำเนียร งวด 16/6/68แซะกลับแบบเจ็บ ๆ! คนไทยแซวกัมพูชา แบนไทยกี่โมง? – โต๊ะกินข้าวเต็มไปด้วยของไทย!คอหวยพลาดไม่ได้ รวมเลขเด็ด เลขดังกลางปี ประจำงวดวันที่ 16/06/68โรงเรียนสุรวิทยาคาร รวมน้ำใจสร้างบ้านใหม่ให้ 3 แม่ลูก หลังแม่เลี้ยงเดี่ยวประสบปัญหาธุรกิจล้ม ลูกชายเป็นนักเรียนทุนพระราชทานเขมรขู่แบนพืชผักผลไม้ไทย หากไม่ยอมเปิดด่านให้คนเขมรเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ขนาด 6.1 ที่เปรูสะเทือนวงการวาย! “พร้อม ราชภัทร” โดนแฉ ทำสาวท้องแต่ไม่รับ แถมไล่ไปเอาออกเตือนภัย! 4 อาหารทำร้ายตับโดยไม่รู้ตัว พร้อมแนะ 2 วิธีฟื้นฟูตับให้แข็งแรงจากผู้เชี่ยวชาญรถไฟขบวนใหม่ อุตราวิถี กรุงเทพ- เชียงใหม่รถยนต์บนได้เตรียมวางจำหน่ายปีหน้าใคร..สามารถโค่นรัฐบาลตระกูลฮุนได้Alexandr Wang : ซีอีโอผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการ AI วัยเพียง 28 ปี ที่ทั่วโลกจับตามอง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สะเทือนวงการวาย! “พร้อม ราชภัทร” โดนแฉ ทำสาวท้องแต่ไม่รับ แถมไล่ไปเอาออก"ฮุน เซน" ประกาศกร้าวกลางสภา หากไทยไม่เปิดด่านวันนี้ พรุ่งนี้กัมพูชาจะปิดชายแดน-แบนสินค้าไทย Norman เจ้าหมาน้อยลูกผสมสุดคิวท์ ขวัญใจโซเชียล!CIA กำลังรับสมัครผู้ให้ข้อมูลเตือนภัย! 4 อาหารทำร้ายตับโดยไม่รู้ตัว พร้อมแนะ 2 วิธีฟื้นฟูตับให้แข็งแรงจากผู้เชี่ยวชาญเคล็ดลับการมีสุขภาพที่ดีและอายุยืน จากจังหวัดที่มีอายุขัยเฉลี่ยสูงที่สุดในญี่ปุ่น!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
เคล็ดลับการมีสุขภาพที่ดีและอายุยืน จากจังหวัดที่มีอายุขัยเฉลี่ยสูงที่สุดในญี่ปุ่น!เขมรขู่แบนพืชผักผลไม้ไทย หากไม่ยอมเปิดด่านให้คนเขมรรถยนต์บนได้เตรียมวางจำหน่ายปีหน้ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย จากการยิงกันในซิดนีย์ตะวันตก
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน LinePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageราคาทองคำ
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง