เบื้องหลังรอยยิ้มในงานเลี้ยงรุ่น..คดีฆาตกรรมผู้ช่วยพยาบาล #กับดักของฆาตกร
เบื้องหลังรอยยิ้มในงานเลี้ยงรุ่น คดีฆาตกรรมผู้ช่วยพยาบาล เป้าหมายคือปลอมแปลงตัวตน และเรื่องเงิน
...................................................
มีกลุ่มเพื่อนที่เคยเรียนประถมและมัธยมมาด้วยกัน ได้มารวมตัวดื่มสังสรรค์กันหลังจากไม่ได้เจอกันมาเป็น 10 ปี บทสนทนาแต่ละเรื่องที่ชวนรื้อฟื้นความทรงจำดีๆ ในอดีตของเพื่อนกลุ่มนี้ ... แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแผนการของฆาตกรที่วางแผนมาอย่างแยบยล !?
ในปี 2014 แพทย์ผู้ช่วย " ริกะ โอคาดะ " ( 29 ) ที่ทำงานอยู่ที่เขตนาชินาริ เมืองโอซาก้า ถูกพบว่ากลายเป็นศพอยู่ในโกงดังเก็บของในเมืองโตเกียว
และฆาตกรที่ลงมือฆ่าเธอก็คือ " โออิชิ เคย์ธี่ ยูริ " ( 32 ) ลูกครึ่งชาวญี่ปุ่น - บราซิล ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอ
โออิชิ ได้สารภาพว่า เธอเป็นคนแทงเพื่อนของตัวเองด้วยมีดหลายครั้งและเป้าหมายที่ฆ่าก็เพราะว่าต้องการขโมยตัวตนของริกะ เพราะว่าโออิชิอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย
ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังใบหน้าที่มีรอยยิ้มของโออิชิในงานดื่มสังสรรค์นั้นเต็มไปด้วยแผนการร้ายอันน่าสะพรึงกลัว
..........................................................................
ริกะถูกฆ่าใน วันที่ 22 มีนาคม 2014 ที่แมนชั่นของตัวเองในเขตนิชินาริ ศพของเธอถูกส่งโดยระบุว่าเป็นตุ๊กตา ข้างกล่องยังเขียนอีกว่า ระวังแตก ตุ๊กตาทำจากดินเหนียว มันถูกส่งไปยังแมนชั่นที่ โออิชิ อาศัยอยู่ในวันที่ 25 เดือนเดียวกัน หลังจากนั้นถึงสองเดือน ถึงมีการพบศพของริกะ ( 21 พฤษภาคม ) ศพของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกแทงประมาณ50 ครั้ง
ตำรวจเขตโอซาก้าเชื่อว่าโออิชิมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แน่ๆ เพราะพบลายนิ้วมือของเธอ แต่ตอนนั้นโออิชิได้เดินทางไปเซี่ยงไฮ้แล้วโดยใช้หนังสือเดินทางที่เป็นชื่อของริกะ
ข่าวการพบศพของริกะได้แพร่ออกไป โออิชิจึงได้มาปรากฏตัวที่สถานกงสุลญี่ปุ่นในเซี่ยงไฮ้ เธอได้แก้ต่างว่า เธอได้รับความยินยอมจากริกะในการใช้หนังสือเดินทางนี้ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับริกะ แต่กรมรักษาความปลอดภัยของประเทศจีนได้สั่งขังเธอ เพราะเข้าข่ายลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่สืบสวนญี่ปุ่นร้องขอให้ทางการจีนส่งตัวโออิชิกลับมาเนื่องจากมีหลักฐานสำคัญเพียงพอต่อการฟ้องร้องดำเนินคดี ทางตำรวจบอกว่า โออิชิมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากนั้น 2 ปี โออิชิจึงถูกส่งตัวกลับมาทำการสอบสวนที่ญี่ปุ่น
เมื่อเธอมาถึงก็ถูกจับกุมในข้อหา ขโมยบัตรเครดิตผู้อื่นไปใช้ , ปลอมแปลงตัวตน , แล้วก็ข้อหาฆาตกรรม
.
........................................................
ในตอนแรกโออิชิไม่เปิดปากว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น ทำให้การสืบสวนเป็นไปอย่างยากลำบาก ตอนที่เธอถูกจับในข้อหาปลอมแปลงเอกสารที่จีน เธอก็ไม่ได้ได้บอกข้อมูลอะไรเลย และยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่หลังจากที่ทางตำรวจญี่ปุ่นทำการสืบสวนอย่างหนัก เธอก็เริ่มยอมรับว่าเป็นคนฆ่าริกะเองกับมือ
เธอเกิดที่ประเทศบราซิล และมาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นตอนช่วงเรียนประถม แต่ตอนถึงมัธย เธอก็ต้องลาออกจากโรงเรียนกลางคันเพื่อกลับบราซิล เธอกลับมาญี่ปุ่นอีกครั้งตอนที่อายุ20ปี
เธออาศัยอยู่กับรูมเมทชาวจีนที่แมนชั่นในเมืองฮาชิโอจิ จุดเปลี่ยนของชีวิตโออิชิเริ่มต้นตอนฤดูใบไม้ผลิปี 2013 รูมเมทชาวจีนของเธอตั้งใจจะไปทำงานในบริษัทญี่ปุ่นที่เซี่ยงไฮ้ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า และชวนเธอไปด้วย ตอนนั้นโออิชิจึงเริ่มคิดว่า อยากจะไปเรียนเกี่ยวกับโฆษณาที่นั่น จะได้งานที่เกี่ยวกับการโฆษณาแบบที่อยากทำ
แต่การจะไปจีนของโออิชินั้นมีอุปสรรคใหญ่มาก
วีซ่าของโออิชิคือผู้อาศัย และจะอยู่ได้พียงแค่ 3 ปี หลังจากวีซ่าของเธอหมดลง เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อวีซ่า เธอจึงอยู่อย่างผิดกฎหมายมาเรื่อยๆ
โออิชิจึงไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ด้วยวิธีถูกกฎหมาย พอเธอได้เห็นข่าวชาวต่างชาติปลอมแปลงหนังสือเดินทาง เธอจึงคิดว่า ก็แค่ปลอมแปลงรูปถ่ายของตัวเอง และสวมรอยเป็นคนอื่นก็พอแล้ว
เธอจึงใช้ Facebook ในการติดต่อเพื่อนเก่าๆเพื่อใช้ในการปลอมแปลงตัวตน เพื่อนต่างชาติและเพื่อนที่เคยไปเรียนต่างประเทศถูกตัดออกเพราะพวกเขามีหนังสือเดินทางอยู่แล้ว และถ้าเขาอยู่กับครอบครัวด้วยแล้วการจะทำอะไรก็คงจะเป็นเรื่องที่ยาก
#ผลสุดท้ายริกะคือตัวเลือกที่ดีที่สุด ...
......................................................................
ที่งานเลี้ยงรุ่น
ประมาณ3เดือนก่อนที่จะถูกฆ่า ริกะไม่เคยรู้สึกถึงความประสงค์ร้ายของโออิชิเลย เธอดีใจมากๆ ที่มีข้อความจากเพื่อนสมัยประถมส่งมาหาทาง LINE เพื่อนัดทานข้าวและรำลึกความหลังกัน แน่นอนริกะไม่พลาดที่จะไป
" วันนี้มีมานัดเจอเพื่อนร่วมชั้น ไม่ได้เจอกันกว่า10ปี แล้วมั้ง "
ภาพที่คน4คนกินข้าวที่ อิซากายะ ( *ร้านอาหารที่สามารถเพลินเพลินกับสุราได้) ได้ถูกอัพโหลด และในนั้นมีโออิชิกับริกะอยู่ด้วย โออิชิบอกว่า " วันนั้นตอนมองริกะ ฉันก็คิดในหัวอยู่ตลอดเวลาว่าจะฆ่าริกะด้วยวิธีแบบไหนดี "
โออิชิกลับโตเกียวหลังจากค้างอยู่ที่บ้านริกะในคืนเลี้ยงรุ่น ยัง เธอยังไม่ได้ลงมือฆ่าเพื่อนรักสมัยเรียน " คิดว่าใจเย็นๆ ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยฆ่า ขอไปนอนห้องเธอเพื่อที่จะสำรวจสิ่งต่างๆ หลังจากที่เธอหลับ จะได้วางแผนถูก "
หลังผ่านมา1เดือนครึ่ง โออิชิที่ตั้งใจที่จะฆ่าริกะอย่างแน่วแน่ ได้ติดต่อริกะมาอีกครั้ง ในคืนวันก่อเหตุ โออิชิเตรียมซื้อมีดจากห้างสรรพสินค้า และแอบซ่อนไว้ในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ เธอมุ่งหน้าไปยังบ้านของริกะ
โออิชิเล่าว่า “ ฉันก็รู้สึกลังเล แต่เมื่อเวลาผ่านไป จนกระทั่งถึงตอนเช้า ฉันเริ่มรู้สึกร้อนใจ และแอบเข้าไปในบ้านของริกะ โดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า ริกะที่อยู่ๆ ก็เห็นฉันเข้ามาในบ้านโดยไม่บอก ก็เลยตกใจจึงขึ้นเสียงใส่ฉันว่า พอได้แล้ว กลับไปได้แล้ว”
โออิชิจึงคว้ามีดที่อยู่ในในกระเป๋าสะพายออกมา และแทงเข้าที่ท้องของริกะซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอบอกว่า " จำไม่ได้ว่าแทงไปกี่ครั้ง "
" หลังจากฆ่าแล้ว ก็จำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไปอีก ฉันคงกลัวจนช็อกก็เลยลืมเหตุการณ์ช่วงหลังจากนั้น " แต่จากการสืบสวน พบว่าที่บ้านของริกะมีร่องรอยการเช็ดทำความสะอาดเลือดออกไป แถมมีดที่เป็นอาวุธก็ยังล้างจนเรียบร้อยและเอาไปซ่อน
โออิชิซื้อลังกระดาษและอุปกรณ์กันกระแทกและห่อศพของริกะลงไป เธอเขียนติดไว้ว่า “ตุ๊กตา“ จากนั้นเธอก็ส่ง“ตุ๊กตา“ ไปยังแมนชั่นที่ฮาชิโอจิที่เป็นที่อยู่ของตัวเอง
หลังจากฆ่าริกะ โออิชิขโมยประกันสุขภาพกับเครดิตการ์ดของริกะ เธอใช้ประกันสุขภาพและใช้ข้อมูลสำเนาทะเบียน ยื่นทำหนังสือเดินทาง 3 อาทิตย์ต่อมา เธอก็ได้รับหนังสือเดินทางในชื่อของ " ริกะ โอคาดะ "
หลังจากนั้น ก่อนที่จะเดินทางออกนอกญี่ปุ่น เธอทำเครดิตการ์ดในชื่อริกะถึง 6 ใบ และใช้จ่ายมันเพื่อเป็นค่าโรงแรม ซื้อเสื้อผ้า ของใช้แพงๆต่างๆ
..................................................
โออิชิถูกขังอยู่ที่จีน 2ปี กับ 8 เดือน และในที่สุดก็ถูกส่งตัวมาดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่น ในตอนแรกๆ เธอยืนกรานปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่สุดท้ายหลังจากการไต่สวนของตำรวจ เธอกล่าวทั้งน้ำตาว่า “ ความรู้สึกของฉันมีแต่ความรู้สึกผิด ฉันขอโทษจริงๆที่สร้างความเดือนร้อนให้แก่คนอื่นๆ”
โออิชิถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่อยู่ในระหว่างยื่นอุทรณ์
.......................................................
จริงๆ คดีนี้เหมือนไม่มีอะไรแต่ก็มีข้อคิดมากเลย คนเราจะมีคนประเภทที่ว่ายอมฆ่าคนเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่เกี่ยงว่าจะต้องฆ่าใคร อ่ะ บางทีอาจจะไม่ถึงฆ่า อาจจะเป็นแค่การแทงข้างหลัง
คนแบบนี้น่ากลัว ขณะที่เราไว้ใจและไม่คิดอะไร เห็นเขายิ้มให้ก็คิดแค่ว่าเขาจริงใจ ไม่รู้เลยว่าพอเห็นเราเผลอเขาก็แทงข้างหลังอย่างไม่รีรอ ปล่อยให้เราอยู่กับความงงว่า ทำไมถึงทำเรา ? เราไปทำอะไรให้ ? เราทำผิดอะไรกับเธอถึงต้องทำกับเราแบบนี้ ? สารพัดคำถามมากมายในหัว
อย่าใว้ใจใครจนเกินไป เพราะภัยส่วนใหญ่ก็มาจากคนใกล้ตัวก็เยอะ







