สั่งจัดการขั้นเด็ดขาด! "เราเที่ยวด้วยกัน" ที่เข้าข่ายทุจริต
หลังจากที่ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานเกี่ยวกับ การทุจริตใน "โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" ว่าได้มีการการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างโรงแรมกับผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการนี้เกิดขึ้นนั้น ก็ได้มีการสั่งการให้ตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มบุคคลใดใดและโรงแรมใดที่มีการกระทำในลักษณะดังกล่าว โดยมีคำสั่งให้มีจัดการขั้นเด็ดขาด ด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นแบบอย่างให้ผู้เข้าร่วมโครงการรายอื่น ๆ
เบื้องต้น ได้ตรวจสอบกรณีที่ต้องสงสัยเข้าข่ายทุจริตในโครงการเราเที่ยวด้วยกันในหลากหลายรูปแบบ โดยมีรายชื่อโรงแรมต้องสงสัยกว่า 312 แห่ง และร้านค้ากับร้านอาหารอีกราว ๆ 200 แห่ง และจะเร่งตรวจสอบรายละเอียดให้เร็วที่สุด หากพบว่ามีการทุจริตก็จะต้องถูกถอดออกจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน พร้อมทั้งขึ้นบัญชีดำและดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา โดยใช้กฎหมายในอัตราโทษขั้นสูงสุด
ล่าสุดทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท. ได้ตรวจพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายทุจริตใน 6 รูปแบบ ได้แก่
1. โรงแรมเปิดให้จองเกินกว่าจำนวนห้องของโรงแรม
2. เช็กอินโรงแรมราคาถูก แต่ไม่ได้เข้าพักจริง
3. โรงแรมขึ้นราคาค่าห้องพักสูงขึ้นกว่าปกติ
4. โรงแรมการลงทะเบียนถูกต้องและยังไม่กลับมาเปิดบริการ แต่มียอดการขายห้องพักและมีการเช็กอินเข้าพัก
5. ร้านค้าเพิ่มราคาอาหารไปมากกว่ามูลค่าอาหารจริง ๆ เพื่อรับส่วนต่างเต็มจำนวน
6. มีการจองและเข้าพักแบบกรุ๊ป ตั้งราคาสูงมาก ๆ เพื่อจะได้เงินทอนจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท. ระบุว่า ขณะนี้ทราบรายชื่อโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมขนาดเล็กในต่างจังหวัด และมีโรงแรมขนาดใหญ่บางส่วนด้วย ส่วนจะใช้กฎหมายยึดใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมเลยหรือไม่นั้น คงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรับผิดชอบไปดูอีกที ส่วนผู้ใช้สิทธิโครงการก็คงต้องดูที่เจตนาด้วย
อ้างอิงจาก: ททท., โครงการเราเที่ยวด้วยกัน, กระทรวงการคลัง




