มหกรรมข่าวปล่อยบลัฟคู่แข่งในศึกชิงสนามบินอู่ตะเภา

ในช่วงการเจรจาประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน มีข่าวปล่อยรายวันออกมาทำลายฝ่ายเอกชนผู้ประมูลผ่านสื่อค่ายหนึ่งตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่มีกฎ กติกา มารยาท ในทีโออาร์ระบุว่าห้ามเปิดเผยข้อมูลจากที่ประชุมในขณะที่ขั้นตอนการประมูลยังไม่จบ

อีกด้านหนึ่งกับการประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก แทบไม่มีข่าวสารใด ๆ ออกมาเลย แม้กองทัพเรือเจ้าของเรื่องเอง ก็ไม่ใคร่จะแถลงหรือให้ข่าว จนผู้คนแทบจะลืมโครงการนี้ไปเลย

หากจะนับข่าวใหญ่จริง ๆ ของโครงการนี้ ที่ผ่านมาก็มีเพียงสองข่าว คือ ข่าวที่เป็นทางการเกี่ยวกับการร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองของกลุ่มกิจการร่วมค้าธนโฮลดิ้ง หรือ กลุ่มซีพี ซึ่งตอนนี้เรื่องอยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุด คาดว่าจะมีคำตัดสินออกมาในวันที่ 4 หรือ 7 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ว่ากลุ่มซีพีจะได้ไปสู้กับอีกสองกลุ่มที่เข้าประมูลในขั้นตอนต่อไป หรือต้องบ๊ายบายจากกันแต่เพียงเท่านี้

กับอีกหนึ่งข่าวล่าสุด ซึ่งเป็นข่าวปล่อยเกี่ยวกับการเปิดซองข้อเสนอด้านราคา (ซองที่ 3) เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ว่า กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ที่มีนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ แห่งบางกอกแอร์เวย์ส จับมือกับนายคีรี กาญจนพาสน์ เจ้าพ่อรถไฟฟ้าบีทีเอส เสนอผลตอบแทนให้รัฐสูงสุด ชนะกลุ่มกิจการร่วมค้าแกรนด์คอนซอร์เตียมอย่างขาดลอย โดยเสนอผลตอบแทนคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันให้รัฐมากถึง 3 แสนล้านบาท ซึ่งหากรวม 50 ปี ก็จะแตะอยู่ที่ล้านล้านบาทกันเลยทีเดียว เป็นจำนวนที่ทิ้งห่างกลุ่มแกรนด์คอนซอร์เตี้ยม ที่เสนอเพียง 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งก็เสนอห่างจากกรอบราคากลางที่รัฐต้องการหลายเท่าตัวอยู่แล้ว

[ต้องทำความเข้าใจกันนิดหนึ่งว่า การประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออกนี้ เกณฑ์ชี้ชะตาผู้ชนะการประมูล จะต่างจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินตรงที่ โครงการอู่ตะเภาวัดกันที่ใครเสนอผลตอบแทนให้รัฐมากที่สุด โดยฝ่ายรัฐตั้งตัวเลขไว้ที่ 59,224 ล้านบาท ต่างจากโครงการรถไฟความเร็วสูง ที่ตัวชี้คือใครเสนอจำนวนเงินให้รัฐลงทุนน้อยที่สุด ซึ่งรัฐตั้งไว้ที่ 119,425 ล้านบาท (ผู้ชนะประมูลคือกลุ่มซีพีเสนอให้รัฐจ่ายเพียง 117,227 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ากรอบวงเงินที่ครม.อนุมัติ 2,198 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มบีทีเอสเสนอให้รัฐจ่าย 169,934 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ากรอบวงเงินที่ครม.อนุมัติไป 50,509 ล้านบาท) ]

ข่าวยังบอกด้วยว่า การเสนอราคาสูงเช่นนี้เป็นการอยากเอาคืนที่กลุ่มซีพีกดราคาตัดหน้าในโครงการไฮสปีด นอกจากนี้การเสนอรายได้ให้รัฐมาก เพราะสนามบินอู่ตะเภาเป็นธุรกิจกำไรมหาศาล ต่างจากรถไฟความเร็วสูง เพราะถ้าได้ก็คุ้มค่ากับบางกอกแอร์เวย์สด้วย เพราะมีธุรกิจการบินครบวงจรรองรับอยู่ รวมถึงดิวตี้ฟรี ส่วนบีทีเอสเป็นดีเวลอปเปอร์อสังหาฯ และโรงแรม ด้านซิโน-ไทยฯ ก็เชี่ยวชาญสร้างโครงการขนาดใหญ่ ...สรุปว่าครบรอบด้านทั้งเรื่องสาระเนื้อหาและผลตอบแทนงดงาม

ข้อน่าสังเกตที่เกิดขึ้นก็คือ การประกาศราคาข้อเสนอดังกล่าว ออกมาในเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งให้คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการฯ พิจารณาซองข้อเสนอของกลุ่มซีพีร่วมกับผู้เข้าประมูลรายอื่นไปด้วยกันก่อนระหว่างที่ยังรอคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งนั่นก็ทำให้น่าสงสัยว่าเป็นการปล่อยข่าวออกมาจากบางฝ่ายที่อาจจะกลัวว่า ข้อเสนอด้านการเงินของกลุ่มซีพีจะทำให้อึ้งกันอีกครั้งก็เป็นได้ เพราะมีประสบการณ์จากโครงการรถไฟความเร็วสูงมาแล้วว่า กลุ่มซีพียื่นข้อเสนอที่เฉือนคู่แข่งชนิดไม่มีใครกล้าเสนอกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ข่าวตัวเลขจำนวนเงินที่ผู้เข้าประมูลโครงการอู่ตะเภาเสนอให้รัฐนี้ แม้จะเป็นตัวเลขที่น่าตื่นตะลึง แต่กลับไม่ใช่ข่าวที่น่าสนใจ หรือนำมาขยายผลหรือตามกันต่อ เรียกว่าเป็นข่าวแป้กก็ว่าได้ จึงทำให้คิดได้ว่าเป็นการเต้าข่าวขึ้นมาเพื่อหวังสกัดคู่แข่งให้ตกใจกลัวถอดใจโดยไม่ต้องรอศาลตัดสินก็เป็นได้

ความจริงจะเป็นอย่างไร วันนี้อาจได้รู้กัน เพราะจะมีการเปิดซองข้อเสนอด้านราคาของกลุ่มซีพี มาลุ้นกันว่า ใครจะให้ผลตอบแทนกับรัฐดีที่สุดกันแน่!!!