พ่อเปิดใจน้ำตาคลอ หลังลูกวัย 13 ซิ่งบิ๊กไบค์ชนขาหัก วอนเห็นใจ มีรถตัดหน้า ลูกเข้าคอร์สฝึกอย่างดี

จากกรณีอุบัติเหตุที่ ด.ช.วัย 13 ปี ขี่รถจยย.บิ๊กไบค์ คาวาซากิ ZX10RR ขนาด 1000 ซี.ซี. มาด้วยความเร็วสูง เฉี่ยวชนกับรถจยย.ขับออกมาจากข้างทางตัดหน้า และเสียหลักไปชนเข้ากับรถยนต์อีกคันที่สวนทางมา บริเวณหน้าตลาดศรีอรุณพลาซ่า ถนนเชียงใหม่-แม่ออน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ส่งผลมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน โดยมีการระบุว่า ด.ช.ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาซ้ายขาด ตามที่เสนอไปก่อนหน้าแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 8 ก.ค. นายสุวิทย์ เทพาขันธ์ อายุ 54 ปี บิดาของ ด.ช.อายุ 13 ปี ผู้บาดบาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุลูกชายกำลังขี่บิ๊กไบค์ จากสวนกลับบ้าน หลังจากที่ลูกชายขี่ออกไปได้สักพัก มีคนแจ้งมาว่า ลูกชายประสบอุบัติเหตุจึงรีบไปดูทันที พบว่าลูกชายยังมีสติดีและเจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยในที่เกิดเหตุลูกชายเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า มีรถจยย.ขับออกมาจากข้างทางตัดหน้า ซึ่งพยายามหลบหลีกแล้วแต่ไม่พ้นจนเกิดอุบัติเหตุ

สำหรับอาการของลูกชายนั้น เวลานี้ยังรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ โดยได้รับบาดเจ็บกระดูกข้อเท้าด้านซ้ายหักและกระดูกเท้าซ้ายเปิด เป็นแผลฉกรรจ์ ซึ่งได้รับการผ่าตัดตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ และวันนี้จะต้องรับการผ่าตัดรักษาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ขาขาดตามที่เป็นกระแสข่าวในโซเชียลแต่อย่างใด และน่าจะรักษาจนกลับมาหายเป็นปกติได้ ขณะที่สภาพจิตใจของลูกชายยังมีกำลังใจดี เข้มแข็ง และยิ้มแย้มได้เป็นปกติ อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงรักษาตัวจนกว่าจะหายนั้น น่าจะต้องหยุดเรียนไป 1 ภาคเรียน

ส่วนกรณีที่โซเชียลแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีที่ให้ลูกชายอายุเพียง 13 ปี ขับขี่บิ๊กไบค์ขนาด 1000 ซี.ซี. นั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจและขอโทษที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้วทำให้หลายคนอาจจะไม่สบายใจ ซึ่งทุกคนสามารถสามารถแสดงความคิดเห็นได้เพียงแต่ขอวิงวอนให้อยู่ในขอบเขตและคำนึงถึงสภาพจิตใจของลูกชายตัวเองบ้าง

ตนขอยืนยันว่าก่อนที่จะยินยอมให้ลูกชายขับขี่และซื้อรถให้นั้น ได้มีการทำความเข้าใจตกลงกันแล้วให้ลูกชายปฏิบัติตามกฎและยอมรับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้มีการเข้าคอร์สเรียนการขับขี่รถบิ๊กไบค์ทั้งขั้นพื้นฐานและขั้นสูงจนมีความชำนาญในการขับขี่พอสมควร รวมทั้งเคยลงแข่งมาแล้วหลายสนามและได้รางวัลด้วย โดยใช้รถคันที่เกิดเหตุลงแข่ง

ในส่วนของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเหตุสุดวิสัยที่ตัวเองไม่อยากให้เกิดขึ้นเช่นกัน และเสียใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ฝ่ายใดจะผิดหรือถูกนั้น โดยส่วนตัวไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆ ขอให้เป็นไปตามพยานหลักฐานและเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งหากลูกชายของตัวเองเป็นฝ่ายผิดก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง