รีดภาษียาเส้นเพิ่ม มีผลทันที หวังโกยภาษี 2,000 ล้านบาทต่อปี

8 พ.ค. 2562 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เผยว่าการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต ยาเส้น จาก 0.005% ต่อกรัม เป็น 0.1% ต่อกรัม ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พ.ค. โดยให้มีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.2562

ทำให้ราคาขายปลีกยาเส้น มีการปรับขึ้นทันที โดยยาเส้นขนาดบรรจุ 20-30 กรัม ต่อซอง เพิ่มขึ้นจาก 10 บาทเป็น 13 บาท โดยยาเส้นซองเล็กขนาดบรรจุ 5 บาท ขนาดไม่ถึง 10 กรัม เพิ่มขึ้น 2 บาท เป็น 7 บาท

ซึ่งจะทำให้ทางกรมมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี จากเดิม 130 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการบริโภคยาเส้นมีการปรับเพิ่มขึ้นมาก จากเดิมในปี 2559 อยู่ที่ 12 ล้านกิโลกรัม เป็น 26 ล้านกิโลกรัม ในปี 2560 โดยเป็นผลมาจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ที่เริ่มมีผลในช่วง ก.ย.2560 ทำให้คนหันมาสูบยาเส้นเพิ่มขึ้น

ทำให้กรมต้องปรับขึ้นภาษียาเส้นเพิ่มเพื่อลดช่องว่างราคาขายปลีกบุหรี่กับยาเส้น เพราะไม่ต้องการส่งเสริมให้คนบริโภคในสิ่งที่เป็นอันตราย

“เหตุผลในการปรับภาษียาเส้น เพราะกรมเห็นพฤติกรรมผู้สูบที่หนีจากบุหรี่ซองที่ขายราคา 60-165 บาทต่อซองไปสูบยาเส้นเพิ่มขึ้น กรมจึงมีความเพราะปัจจุบันยาเส้นยังไม่มีมาตรฐานเท่าไหร่ ไม่มีก้นกรอง ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ อีกทั้งรัฐบาลไม่ต้องการส่งเสริมให้บริโภคสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงมีการปรับขึ้นภาษียาเส้น และคาดว่าจากอัตราภาษีใหม่นี้จะทำให้มีการบริโภคลดลง” นายพชร กล่าว