จับตา! ประจักษ์ ไหทองคำ" งานเข้าเพียบ จ่อถูกแจ้งความคดียาวเป็นหางว่าว

        จากประเด็นที่นายประจักษ์ชัย เจ้าของค่ายไหทองคำ นักร้องสาว ถูกจับขณะลงเวทีมา 2 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดอัจฉริยะ ไลฟ์สด แฉแลก นายประจักษ์ชัย นายห้าง ที่มีประเด็นกับอาร์ม ชุติมา โดยเบื้องต้นในวันจันทร์นี้จะมีการนำข้อมูลการหลบเลี่ยงภาษีของ "เจ้าของค่ายไหทองคำ" นำเสนอกับทางกรรมสรรพภากร รวมทั้งคดีอื่นๆ ดังนี้

       1.กรณีนายห้างไหทองคำฯ นำตำรวจไปจับนักร้องสาวดังกล่าวนั้นได้อาศัยอำนาจอะไร เพราะจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีการลงบันทึกประจำวันไว้ข้อความไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งมีความผิดฐานให้ข้อมูลอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานนั้นมีความผิดตามกฎหมาย มาตรา 137  "ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

       2.กรณีบังคับให้นักร้องสาวไปเจรจาที่สถานีตำรวจ และไม่ยอมให้ออกไปไหน ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวนัั้นมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 310  "ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

       3.กรณีสัญญาส่วนแบ่งรายได้จากเดิมกำหนดไว้ นักร้อง 70% นายห้างฯ 30% นั้นได้มีการจ่ายตรงตามที่ตกลงหรือไม่ ซึ่งหากไม่ตรงมีความผิดฐานฉ้อโกงตาม.ป.อ. มาตรา ๒๗๑ ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพหรือปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

       4.กรณีสัญญาลิขสิทธิ์เพลงของนักร้องสาว ซึ่งได้มีการกระทำไว้ในช่วงเวลาอายุ 17 ปี (ซึ่งถือว่าไม่บรรลุนิติภาวะ) และมีพ่อแม่นักร้องสาวเป็นพยาน ซึ่งเรื่องนี้ทางนายห้างได้มีการนำมาอ้างเป็นเหตุเรียกร้องค่าฉีกสัญญา 2 ล้านบาท ซึ่งความจริงแล้วตามกฎหมายหากผู้เยาว์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ การทำสัญญาหรือธุรกิจต่างๆ ถือเป็นโมฆะ โดยสิ้นเชิง เว้นแต่ทางพ่อแม่จะเป็นผู้แทนที่ระบุชัดเจนในสัญญา ซึงถือเป็นความผิดอีก 1 กระทง

       5.กรณีที่เจ้าของไหทองคำ ได้มีการโพสเฟสบุ๊กว่า "หากต้องการฉีกสัญญาต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 2 ล้านบาท และโพสด่าว่า เนรคุณ" ซึ่งมีความผิดในตามพรบ.คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ มาตรา 14- 16 ระหว่างโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี ปรับตังแต่ 2 หมื่น - 2 แสนบาท รวมอีก 3 กระทง        

       ซึ่งยังไม่นับรวมกรณีเลี่ยงภาษี, โกงเงินผู้ร่วมลงทุนในอดีต และอื่นๆ อีกมากมาย