ธุรกิจเพื่อสังคม สู่การสร้างการให้อย่างยั่งยืนที่ไม่สิ้นสุด

  อาชีพ “เกษตรกร” นับเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความพยายาม และความอดทนเป็นอย่างมาก

ต้องอุทิศทั้งกายและใจ ไม่ง่ายเลยที่เกษตรกรคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ

เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องฝ่าฟันในทุกฤดู ด้วยสภาพภูมิประเทศ และสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย

ทำให้อาชีพเกษตรกรต้องยอมรับกับความเสี่ยงของผลผลิตที่จะได้

         เกษตรกรพื้นที่ หมู่บ้านห้วยขาบ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่านก็เช่นกัน

ประชาชนส่วนใหญ่เป็น กลุ่มชาติพันธุ์ลั๊วะ (ชาวลัวะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่อาศัยอยู่ตามเชิงเขา ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มชาวไทยภูเขา)

มีฐานะยากจน แต่เดิมชาวบ้านนิยมปลูกพืชไร่ไว้สำหรับบริโภค และมีอาชีพหลักคือการทำงานรับจ้าง

และด้วยลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปในจังหวัดน่าน เป็นภูเขาสูงพื้นที่ส่วนใหญ่

ไม่เอื้ออำนวยให้เกษตรกรในพื้นที่ทำการเพาะปลูกเท่าใดนัก

ชาวบ้านบางส่วนจึงหันไปทำไร่เลื่อนลอย เกิดปัญหาการบุกรุกทำลายป่า ต่อมาหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่

เล็งเห็นถึงปัญหาของเกษตรและชาวบ้านในพื้นที่ จึงได้เข้าไปส่งเสริมด้านอาชีพ

แนะนำพืชที่เหมาะสมกับการปลูกในพื้นที่ ซึ่งพืชที่ทำรายได้ให้กับชาวบ้าน

ก่อให้เกิดอาชีพ สร้างรายได้อย่างงดงามก็คือ "กาแฟ"

           โดยย้อนไปในปี 2556 บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด นำโดย ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล ประธานผู้บริหารทรัพยากรบุคคล เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) , รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด

ร่วมกับหน่วยงานจากภาครัฐหลายหน่วยงาน อาทิ กรมป่าไม้, กรมวิชาการเกษตร , กรมพัฒนาที่ดิน , กรมส่งเสริมการเกษตร, สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ฯลฯ

ได้เข้ามาให้ความรู้ด้านกาแฟ และสนับสนุนเครื่องมือพร้อมทั้งตลาดรองรับผลผลิต

        การปลูกกาแฟเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจร่วมกับพืชต่าง ๆโดยแนะนำให้ปลูกพันธุ์อราบิก้า

ร่วมกับปลูกพืชชนิดอื่น ๆ และเมื่อชาวบ้านปลูกกาแฟได้ผลผลิตแล้วทาง ซีพี รีเทลลิงค์

จะเป็นผู้รับซื้อเมล็ดกาแฟที่ผลิตได้ทั้งหมด

โดยให้ราคาสูงกว่าราคาท้องตลาด 10 เปอร์เซ็นต์

เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟให้ได้เม็ดเงินมากขึ้น

และนำเมล็ดกาแฟที่ได้ไปแปรรูปเป็นกาแฟสด เพื่อส่งให้จำหน่ายที่ “ออลล์ คาเฟ่” (All Cafe)

ภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และ ร้านกาแฟ “มวลชน” 

เป็นการรับประกันว่า เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟมีรายได้เพิ่มขึ้น

และยั่งยืนจากการปลูกกาแฟ ทั้งยังช่วยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

โดยกิจการลักษณะนี้ อาจเรียกว่าเป็นการทำ ธุรกิจที่ทำกำไรร่วมกับการให้เพื่อสังคม

ในแบบที่ไม่ใช่ให้ครั้งเดียวแล้วจบ แต่แปลว่าเป็นกิจการเพื่อสังคม

ที่ช่วยทำให้ให้สังคมนั้นอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืนก็ว่าได้.