ครั้งแรกในประเทศไทยกับฮีโร่คู่ใจคนตาบอด...เมื่อชีวิตฉันมีแต่"หมา"นำ
ถ้าพูดถึงความ "พิการ" เราอาจจะนึกถึงบุคคลต่างๆที่มีข้อจำกัดในการเข้าไปมีส่วนร่วมในสังคม เนื่องจากมีความบกพร่องทางร่างกายในแบบต่างๆ เช่น หูหนวก ตาบอด สูญเสียอวัยวะอย่างใดอย่างนึงไป ตลอดจนความบกพร่องทางสติปัญญาและการเรียนรู้ ซึ่งแน่นอนว่าบุคคลเหล่านี้ต้องใช้ชีวิตประจำวันอย่างยากลำบาก
เป็นความโชคดีที่รัฐบาลและกลุ่มประชาสังคมปัจจุบัน ไม่ได้มองข้ามและเพิกเฉยต่อกลุ่มคนพิการเหล่านี้ เราจึงได้เห็นโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อให้โอกาส และอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการในการดำเนินชีวิตมากมาย เคยมีคนพิการหลายคนกล่าวว่า พวกเขาต้องการความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็น ถ้าทำได้เขาและเธอ อยากช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด ดังนั้นถ้าเราอยากช่วยเหลือ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การเข้าไปพูดคุยสอบถาม หรือหากเป็นไปได้ การนำนวัตกรรมหรือตัวช่วยอื่นๆ เข้ามาอำนวยความสะดวกในชีวิต เพื่อให้คนกลุ่มนี้ไม่รู้สึกถึงความ "ไม่เท่าเทียม" ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย
เมื่อเร็วๆนี้ มีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้นในกลุ่มผู้พิการทางสายตา กับโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้นโยบายประชารัฐ ที่เห็นความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม ตามแนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยโครงการนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่มีการจัด บริการสุนัขนำทางสำหรับคนตาบอด อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กองทัพบก บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) และสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระยะเริ่มต้นโดยมีการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) คาดว่าอีกไม่เกิน 3 ปี เราคงได้เห็นรูปแบบโครงการสุนัขนำทางคนตาบอดออกมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม
ในอดีตประเทศไทยเคยมีความพยายามจัดตั้งศูนย์ฝึกสุนัขนำทางหลายแห่ง แต่สุดท้ายก็ต้องปิดตัวลง เนื่องจากไม่เป็นที่นิยม และติดเงื่อนไขทางกฎหมายบางประการ ซึ่งอันที่จริงในประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐฯ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ต่างก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การใช้สุนัขนำทางผู้พิการหรือผู้สูงอายุ เป็นวิธีที่ปลอดภัยและเกิดประโยชน์สุดเพราะอย่างการใช้ไม้เท้า ซึ่งเป็นสิ่งที่คนตาบอดต้องใช้เป็นกันทุกคนแต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างเกี่ยวกับการใช้ฟุตบาทในประเทศไทย ส่วนคนช่วยนำทาง ก็ใช้ได้กับคนตาบอดที่มีคู่เท่านั้น
โดยหากโครงการบริการสุนัขนำทางสำหรับคนตาบอด ถูกผลักดันให้เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์และใช้งานได้จริงกับสภาพสังคมบ้านเรา โครงการนี้จะมีประโยชน์ต่อคนตาบอดอีกมากมายในการใช้ชีวิตอย่างอิสระ และสามารถเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ ด้วยการพึ่งพาตนเองได้อย่างปลอดภัย เกิดความเท่าเทียมกับคนในสังคมได้อย่างปกติสุข งานนี้ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี ที่ช่วยกันผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้น ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคม ที่เอาใจใส่ต่อกลุ่มคนเล็กๆในสังคม ให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ตามแนวคิด








