หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

มรดกแห่งเจริญ 13 ปีแห่งการจากไป ก่อกำเนิดอีกหลายร้อยความเข้มแข็งในชุมชนประจวบฯ

โพสท์โดย greenpeaceth
บทความ โดย รัตนศิริ กิตติก้องนภางค์

เสียงปืน 9 นัดจากปืนสองกระบอก ในคืนวันที่ 21 มิถุนายน 2547 ที่ปลิดชีวิตนักสู้เพื่อชุมชนที่ชื่อเจริญ วัดอักษร ยังคงดังก้องในใจชาวประจวบคีรีขันธ์ และชาวไทยผู้รักสิ่งแวดล้อมทั้งประเทศ ปีนี้เป็นปีที่ 13 แล้วที่เจริญ วัดอักษร นักสู้เพื่อชุมชนกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ผู้คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้จากไป การสูญเสียนักสู้คนสำคัญของประจวบฯ ไม่ได้นำมาสู่จุดสิ้นสุดของการต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม แต่กลับยิ่งก่อให้เกิดนักสู้แห่งประจวบคีรีขันธ์อีกหลายร้อยคน สานต่อความเข้มแข็งในชุมชนไม่เสื่อมคลาย

"ตายสิบจักเกิดแสน" เมื่อก่อนก็เคยแค่ได้ยิน แต่หลังจากที่เจริญตาย เราได้เห็นจากปรากฎการณ์จากประสบการณ์ของตนเองว่า หลายคนเกิดแรงบันดาลใจและศรัทธาการจากเสียชีวิตของเจริญ ทำให้เขาลุกขึ้นมาเป็นนักต่อสู้ ทำให้เราได้รู้ว่าการตายของเจริญไม่สูญเปล่า ไม่ได้ตายแล้วไม่มีคุณูปการใด หรือเป็นการสิ้นสุดการต่อสู้ของชุมชน แต่เป็นเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนได้เข้มแข็ง ชื่นชม ศรัทธา และสร้างพลังในการต่อสู้ต่อไป” คุณกรณ์อุมา พงษ์น้อย ตัวแทนกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ภรรยาของนายเจริญ วัดอักษร กล่าว

20 กว่าปีที่แล้ว ชายชื่อเจริญ วัดอักษร ร่วมกับชาวบ่อนอก ทับสะแก บ้านกรูด และชุมชนอื่น ๆ ในประจวบคีรีขันธ์ ได้ต่อสู้กับการคุกคามของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งหากปราศจากจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ในวันนั้น ในทุกวันนั้นประจวบฯ ที่เรารู้จักกันอาจกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่คล้ายกับระยองไปแล้ว ผู้ปกป้องสิทธิชุมชน ก็คือคนธรรมดาทั่วไปไม่ต่างจากพวกเราทุกคน บ้างก็เป็นเกษตรกร ชาวประมง พ่อค้าแม่ค้า สตรี นักศึกษา หรือพระสงฆ์  แต่พวกเขามีจิตสำนึก ต่อสู้ยืนหยัดเพื่อป้องป้องสิ่งแวดล้อม ชุมชน และธรรมชาติที่แวดล้อมเราอยู่ โดยลุกขึ้นต่อสู้ท้าทายอำนาจรัฐและนายทุนที่เข้ามารุกรานสิ่งแวดล้อมเพียงเพื่อผลประโยชน์อันมหาศาลจากทรัพยากรแก่คนเฉพาะกลุ่ม นับแต่วันที่เจริญยังคงต่อสู้ จวบจนวันนี้ ความเข้มแข็งของชุมชนคือมรดกชิ้นสำคัญที่เจริญมอบไว้ให้กับชุมชน

คุณกรณ์อุมา พงษ์น้อย ตัวแทนกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ภรรยาของนายเจริญ วัดอักษร

“เจริญมักพูดเสมอว่า ถ้าชุมชนเข้มแข็ง เราก็จะเข้มแข็งด้วย กล้าที่จะลุกขึ้นมาคัดง้างกับนโยบายรัฐและกลุ่มทุนที่ไม่เข้าท่า ไม่เป็นธรรม หลังจากที่เจริญเสียชีวิต เราไม่ได้หยุดนิ่ง มีคนที่บ้างหวาดกลัวจากการตายของเจริญ บ้างก็หยุดการต่อสู้ไป แต่ท่ามกลางการต่อสู้ ก็เหมือนกับการถ่ายเลือดเก่าใหม่ ยังมีเลือดใหม่มาแทนที่และต่อสู้ต่อไป” คุณกรณ์อุมา พงษ์น้อย กล่าวเสริม

เมืองปลอดถ่านหิน เหตุผลที่ชาวประจวบฯเสียสละชีวิตเพื่อปกป้อง

พี่น้องชาวประจวบฯ ราว 200 คน จากอำเภอทับสะแก บ่อนอก อ่าวน้อย คลองวาฬ คั่นกระได และอีกหลายชุมชน ที่เดินทางมาร่วมงานรำลึกเจริญ วัดอักษร ในวันนี้ คือผู้สืบสานเจตนารมณ์ของเจริญ วัดอักษร นอกจากการแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวด้วยเสื้อสีเขียวที่มีภาพหน้าพี่เจริญแล้ว อีกสิ่งที่เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน คือความมุ่งมั่นในการปกป้องวิถีชีวิตชุมชนและสิ่งแวดล้อมของตน

“ทับสะแกเป็นพื้นที่ที่มีกฟผ. เข้ามาซื้อที่ดินประมาณสี่พันกว่าไร่ ฝั่งตะวันอออกติดทะเล มีประมงพื้นบ้านอยู่ตลอดแนว มีมะพร้าวที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดของประเทศไทย คือความมั่นคงทางอาหาร มีโอกาสเติบโตทางการท่องเที่ยว แต่หลังจากปี 2538 ที่กฟผ.ซื้อที่จำนวน 4,000 ไร่ ทำให้นักลงทุนไม่กล้ามาลงทุน ต่างจากพื้นที่อื่นในประจวบฯ ซึ่งมีการเติบโต โรงไฟฟ้าถ่านหินจะส่งผลกระทบต่อคนทั้งอำเภอแน่นอน ทั้งประมง ชาวสวน การติดดอกของมะพร้าวลดลงแน่ๆ พวกเราจึงเรียกกันว่าถ่วงความเจริญ การเกษตร ประมง และการท่องเที่ยว คือสิ่งที่นำพาจังหวัดเราสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง เรามีเป้าหมายที่จะเติบโตแบบนี้ สร้างสังคมที่มีการเรียนรู้ ลดการปล่อยมลพิษ เราคิดว่ายุทธศาสตร์ประจวบที่ตั้งไว้ในตอนนี้ทำฐานมาดีแล้ว และเป็นฐานที่ดำรงอยู่เพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง” คุณสุรีรัตน์ แต้ชูตระกูล ตัวแทนชุมชนกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก กล่าว

คุณสุรีรัตน์ แต้ชูตระกูล ตัวแทนชุมชนกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก

ในช่วงปี 2540 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ต้องพบเจอกับมรสุมจากการกำหนดเป้าหมายในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ GDP มุ่งผลักดันให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นจังหวัดอุตสาหกรรม พี่น้องชุมชนในประจวบฯ สร้างความแปลกใจให้พี่น้องชาวประจวบฯ ถึงปัญหามลพิษขนาดใหญ่ที่ต้องเผชิญ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน 3 โครงการ คือ ที่อำเภอบ่อนอก โดยบริษัท กัลฟ์ เพาเวอร์ เจเนอเรชั่น จำกัด กำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ ห่างออกไปอีก 60 กิโลเมตรที่อำเภอทับสะแก โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต  กำลังผลิต 2,100 เมกะวัตต์ และห่างจากนั้นไปอีกเพียง 12 กิโลเมตร ที่อำเภอบ้านกรูด โดยบริษัท ยูเนี่ยน เพาเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด กำลังผลิต 1,4000 เมกะวัตต์ ซึ่งรวมแล้วมากถึง 4,100 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังมีโครงการอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก ทำให้พี่น้องหลายอำเภอหวาดกลัวเรื่องมลพิษ และวิถีชีวิตที่ต้องถูกทำลาย

จากความหวาดกลัว กลายเป็นความกล้า จากการรวมตัวนำไปสู่พลังที่สร้างการเปลี่ยนแปลง

คุณสุรีรัตน์ เล่าให้เราฟังว่า ในช่วงที่ต่อสู้คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทางโครงการให้ข้อมูลผิดพลาดว่าปะการังคือหินโสโครก และพื้นที่ชายหาดประจวบคีรีขันธ์นั้นไม่มีความอุดมสมบูรณ์ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พี่น้องชาวบ่อนอกได้ถ่ายรูปคู่กับวาฬบรูด้าที่โผล่ขึ้นมาข้างเรือ แต่กลับถูกกลุ่มทุนกล่าวหาว่าเป็นภาพตัดต่อมาจากต่างประเทศ คุณสุรีรัตน์จึงขอให้กรีนพีซมาติดตามถ่ายภาพ ในช่วงภายในเวลา 15 นาทีก็สามารถบันทึกภาพวาฬบรูด้าได้สองตัว ซึ่งคาดว่าเป็นครั้งแรก ๆ ที่วาฬบรูด้าขึ้นอ่าวไทย ในระยะสามกิโลจากชายฝั่ง เป็นข้อพิสูจน์ความอุดมสมบูรณ์ของชายฝั่งอ่าวไทยช่วงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้เป็นอย่างดี

และวาฬบรูด้านี่แหละ คือ ผู้ที่มาช่วยกลุ่มพี่น้องชาวประจวบฯ พิสูจน์ถึงความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์น้ำของประจวบฯ 

คุณจินตนา แก้วขาว ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูด คือ อีกนักสู้หนึ่งผู้ปกป้องบ้านเกิดของตน การต่อสู้อย่างอาจหาญและเข้มข้นโดยการเผชิญหน้ากับผู้ผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่บ้านกรูด กับการใช้วิธีการนำซากวาฬบรูด้าที่เคยมาเกยตื้นเมื่อปี 2543 นำมาทำลายงานเลี้ยงของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหินกรูด ส่งผลให้คุณจินตนา แก้วขาว ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาสี่เดือน

คุณจินตนา แก้วขาว ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูด

“ถ้าชุมชนเราไม่ต้องการ เราต้องสู้ทุกวิถีทาง แม้เขาจะเอาคดีมายัด เราก็ยังมีเวลาทำความจริงให้กระจ่าง สร้างมวลชน ต้องไม่หวั่นเกรง ทำทุกวิถีทางที่นำไปสู่การไม่สร้าง เดินหน้าตรวจสอบทุกขั้นตอน” คุณจินตนา แก้วขาว กล่าว “สิ่งที่เจริญทำไม่ได้สูญปล่าว เราไม่ได้อยากให้ใครเสียชีวิต เขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้ชาวประจวบฯ ต่อสู้ แม้จะมีประเด็นต่อสู้ที่แตกต่างกันตามวิถี แต่สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าเป็นการต่อสู้ที่โตขึ้นมาจากการชี้นำของเจริญ ให้ชุมชนได้พึ่งตนเอง การสูญเสียผู้นำในประเทศไทยมีเยอะ บางครั้งเป็นกระแสนิดเดียว บางครั้งหายไป แต่ ณ เวลานี้เรายังนึกถึงเจริญ พูดถึงเจริญมามากกว่าสิบสามปี”

เจริญ ที่อยู่ในใจและจิตวิญญาณสีเขียว

แม้ในอดีตจนถึงปัจจุบัน กระบวนการยุติธรรม กฎหมายทางด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน ยังไม่เข้าข้างประชาชนในทางปฏิบัติเท่าไรนัก แต่สิ่งที่ชุมชนพี่น้องชาวประจวบฯ ถือว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดในการต่อสู้ตลอดมา คือ ประเด็นเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินที่สามารถคัดค้านมาได้ตลอดกว่า 20 ปี แต่สิ่งที่โดดเด่นเหนือกว่านั้น คือ ความเข้มแข็งที่เป็นแบบอย่างให้กับชุมชนอื่นทั่วประเทศ สร้างความกล้าในการลุกขึ้นมาต่อกรกับอุตสาหกรรมที่ทำลายวิถีชีวิตตน

“เรื่องที่ทำให้ชาวประจวบฯ มาร่วมมือกัน คือเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหิน สิ่งที่เราดีใจคือการทำให้ชาวประจวบฯ และคนในประเทศดูเราเป็นตัวอย่าง การที่เราสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนเล็กคนน้อย ลุกขึ้นมาปกป้องบ้านเกิดตัวเอง สร้างการตื่นรู้ในสังคมได้” คุณกรณ์อุมา พงษ์น้อย กล่าว

ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องถ่านหินเท่านั้น แต่ชุมชนประมงเองก็มารวมตัวกันเพราะกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งก่อให้เกิดเป็นกลุ่มชุมชนประมงพื้นบ้านจังหวัดประจวบฯ มีทั้งหมด 17 หมู่บ้าน คุณปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมประมงพื้นบ้าน ทุ่งน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์กล่าวถึงพี่เจริญว่า “การต่อสู้ของพวกเราทำให้เรารู้จักหัวจิตหัวใจอันเด็ดเดียวของ เจริญ วัดอักษร บางครั้งการต่อสู้ระหว่างทางทำให้บางผู้นำออกนอกลู่นอกทาง คือรับเงิน แต่เจริญบอกตลอดว่าเราจะไม่ทิ้งกัน เราจะไม่ขายแผ่นดินบ้านเกิด หลายคนวิตกว่าโครงการขนาดใหญ่มีเม็ดเงินมหาศาล เราเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง แต่เจริญเป็นตนคิด ลงมือทำ สร้างขวัญปลุกใจประชาชน ว่าเมื่อพวกเรารวมตัวกันจะสามารถสู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการระดับใหญ่ข้ามชาติแค่ไหน จากคำพูดที่ปลุกใจ และพฤติกรรมที่ไม่สนเงิน ทำให้เรารับรู้ความยิ่งใหญ่ชองเจริญ ทุกชุมชนให้การยอมรับ จนเรารวมตัวกันเป็นเครือข่าย ทั้งจากหินกรูด ทับสะแก ประจวบ กุยบุรี และสามร้อยยอด และวันนึงสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น การที่เจริญถูกยิงเป็นข่าวร้ายสำหรับพวกเรา แต่จากการกระทำครั้งนั้นคงคิดว่าพวกเราจะท้อ และถอย และสลายตัวไปในที่สุด แต่พวกเรากลับเหนียวแน่น ให้พี่เจริญเป็นพลังในการต่อสู้ และทุกปีเราจะจัดกิตจกรรมรำลึก แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่สิบสามแล้ว”


คุณปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมประมงพื้นบ้าน ทุ่งน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้เกิดขึ้นได้จากคนคนเดียว แต่ต้องเกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มรวมพลัง แม้กลุ่มพี่น้องชาวประจวบฯ จะไม่มีอำนาจใดไปต่อกรกับกลุ่มทุน แต่การรวมพลังลุกขึ้นมาดูแลท้องถิ่น จากพลังใจ จากแรงบันดาลใจ ไปสู่ความเข้มแข็งที่เป็นที่ยกย่องไปทั่วประเทศไทย ถึงทุกวันนี้ชุมชนประจวบฯ ยังคงเผชิญกับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน โครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และวิกฤตจากอุตสาหกรรมประมงขนาดใหญ่ แต่พวกเขายังคงสู้ต่อไป ด้วยความเข็มแข็งและไม่ย่อท้อ ดังที่คุณกรณ์อุมากล่าวไว้ว่า “การต่อสู้ไม่ใช่มาม่าสำเร็จรูป ที่มีขั้นตอนแค่เติมน้ำร้อน แต่เรามีหลักคิดใหญ่ๆ คือ กล้าหาญ เสียสละ ไม่หาคนที่ทำแทน ไม่หวังพึ่งอัศวินม้าขาว และมีความสามัคคีสร้างความเป็นกลุ่มก้อนขึ้น สิ่งนี้จะสามารถหักล้างนโยบายกลุ่มอุตสาหกรรมจึงจะสำเร็จได้ การรักแผ่นดินเกิดยังดำรงอยู่ในประเทศไทย เราอยากเห็นพื้นที่อื่นๆ รักบ้านเกิดเหมือนที่นี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดยั่งยืนแท้จริง”

ขอร่วมรำลึกถึงพี่เจริญ วัดอักษร และยกย่องความเข้มแข็งกล้าหาญของชุมชนชาวประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงนักต่อสู้สิทธิชุมชนทุกคน

ที่มา : http://www.greenpeace.org/seasia/th/news/blog1/13/blog/59690/


ติดตามกรีนพีซเพิ่มเติมที่

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
greenpeaceth's profile


โพสท์โดย: greenpeaceth
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: zerotype
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ครอบครัว โล่งใจ หลังพบเท้าของนักปีนเขาปี 1924 บนเอเวอเรสต์ไทยลงนามข้อตกลงการขาย First Win 4x4 แก่ปากีสถาน พร้อมการผลิตในประเทศ 100 คัน"ปอบตาพวง" ปอบตนแรกที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ พ.ศ.2435 (ร.ศ.111)เจ้าจอมนางนี้ชีวิตน่าสงสารรอบกายมีแต่คนอิจฉาพาให้ปลิดชีพตัวเองหิมะเคยตกที่ไทยมั้ย และ ในอนาคตจะมีโอกาสที่หิมะจะตกที่ไทยมั้ย?ทีมของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก พบชิ้นส่วนมนุษย์บนภูเขาเอเวอเรสต์ คาดว่าเป็นของนักปีนเขาคนหนึ่งที่สูญหายไปเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้วอนาคตดับสลาย! สาวเจ้าของร้านเสื้อผ้าวัย 30 ดิ่งตึกชั้น 5 ห้างดังย่านลาดพร้าว เครียดธุรกิจ-โรครุมเร้า"ธี่หยด 2" หลอนจนนาทีสุดท้าย..คนดูเซอร์ไพรส์ เห็นผีนอกโรง'มินนี่'ช้างดาราสุดน่ารักจากสุรินทร์!เซอร์ไพรส์แรงแซงทุกดราม่า เปิดโฉมหน้า "มิสขี้เมา 2025" บอกเลย สวยโลกตะลึง!!‘ตานเสียสีรุ้ง’ หรือ "Rainbow Mountains" ในเมืองจางเย่ มณฑลกานซู่
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เจ้าจอมนางนี้ชีวิตน่าสงสารรอบกายมีแต่คนอิจฉาพาให้ปลิดชีพตัวเองอวสานหวยใต้ดิน เริ่มแล้ว เปิดขั้นตอนการซื้อหวย 3 หลัก กับกองสลาก ไม่มีเลขอั้น จ่ายเต็มทุกบิล มั่นคงปลอดภัย รัฐบาลเป็นประกันอนาคตดับสลาย! สาวเจ้าของร้านเสื้อผ้าวัย 30 ดิ่งตึกชั้น 5 ห้างดังย่านลาดพร้าว เครียดธุรกิจ-โรครุมเร้า"ธี่หยด 2" หลอนจนนาทีสุดท้าย..คนดูเซอร์ไพรส์ เห็นผีนอกโรง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
ไฟเขียว! 23 การพนัน เล่นได้ ไม่ผิดกฎหมาย แต่มีเวลา ต้องรู้!**บอสพอลเคลื่อนไหวหลังให้ปากคำตำรวจ**เศร้าใจ “อาร์ท กิตติศักดิ์” ผู้รักษาประตูวัย 32 ปี เสียชีวิตหลังถูกฟ้าผ่าขอให้ตรวจสอบ อดีตพระเอกชื่อดังที่ทำธุรกิจเครือข่าย มีผู้เสียหายจำนวนมาก
ตั้งกระทู้ใหม่