ศาลภูเก็ตยกฟ้องคดีขับไล่ชาวเลราไวย์เผยต้นมะพร้าวเป็นหลักฐานสำคัญในการพิจารณาคดี
นายนิรันดร์ หยังปาน
ชาวเลราไวย์ดีใจทั้งน้ำตา หลังศาลตัดสินยกฟ้องคดีเจ้าของโฉนดที่ดิน เลขที่ 8342 ฟ้องขับไล่ชาวเลราไวย์ออกจากพื้นที่ ระบุหลักฐานสำคัญภาพถ่ายในหลวง ร.9 เสด็จประพาสเมื่อปี 2502 ต้นมะพร้าวในภาพยืนยันมีอายุกว่า 30 ปี เป็นหลักฐานชาวเลอยู่มาก่อนขัดแย้งต่อคำให้การของโจทก์
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 เวลา 09.30 น. ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต นายพีระพงษ์ เภรีฤกษ์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดภูเก็ต ได้ออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น กรณีโจทก์นางบุญศรี ตันติวัฒนวัลลภ กับพวก 2 คน ทายาทของนายทัน มุกดี ผู้แจ้ง ส.ค.1 และต่อมามีการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 8324 เนื้อที่ 12 ไร่ หมู่ 2 บ้านราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ยื่นฟ้องขับไล่ จำเลย ประกอบด้วย นายแอ่ว หาดทรายทอง นายวรณัน หาดทรายทอง นายบัญชา หาดทรายทอง และนายนิรันดร์ หยังปาน ชาวเลราไวย์ หมู่ที่ 2 ต.ราไวย์ จ.ภูเก็ต รวม 4 คดี โดยในการรับฟังคำพิพากษามีเพียง นายนิรันดร์ หยังปาน แกนนำชาวเลราไวย์ จำเลยในคดีดังกล่าวเข้าร่วมรับฟังคำตัดสินเพียงคนเดียว ขณะที่ฝ่ายโจทก์ไม่เดินทางมาศาล
หลังจากศาลอ่านคำพิพากษา นายนิรันดร์ หยังปาน ได้ลงมาแจ้งต่อชาวบ้านถึงผลการตัดสินของศาล ว่า วันนี้ ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่ชาวไทยใหม่ จำนวน 4 ราย ถูกเจ้าของโฉนดที่ดินเลขที่ 8342 ฟ้องขับไล่ออกจากพื้นที่ ซึ่งศาลได้มีการไต่สวนมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยมีการพิจารณาในหลายประเด็น ซึ่งประเด็นหนึ่งที่มีการพิจารณาคือ ภาพถ่ายตอนในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จประพาสหาดราไวย์ เมื่อปี 2502 ซึ่งในภาพมีต้นมะพร้าวขนาดใหญ่อยู่ โดยทางโจทก์แจ้งว่า มีการปลูกมะพร้าวประมาณ 10 ปี แต่จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ต้นมะพร้าวดังกล่าวมีอายุมากถึง 30 ปี จึงเป็นข้อขัดแย้ง และข้อพิรุธ นอกจากนั้น ยังมีข้อพิรุธอีกหลายอย่างที่ศาลนำมาประกอบการพิจารณา ศาลจึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องคดีดังกล่าว เพราะชาวเลมีการใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวมาก่อน
นายนิรันดร์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า รู้สึกดีใจ และตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ที่พยานหลักฐานต่างๆ ที่หน่วยงานยุติธรรม และดีเอสไอ เข้ามาช่วยเหลือในการสืบหาพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำไปต่อสู้ในคดี จนศาลมองเห็นว่าวิถีชีวิต และชาติพันธุ์ของชาวเลมีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมายาวนาน และหลักฐานชัดเจนจึงตัดสินยกฟ้องในคดีดังกล่าว
ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ศาลจังหวัดภูเก็ต ได้มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ นายจำเริญ มุกดี ทายาทนายทัน มุขดี เจ้าของที่ดินตามโฉนดเลขที่ 8342 ฟ้องขับไล่ นายจรูญ หาดทรายทอง และนางแต๋ว เซ่งบุตร โดยศาลได้วินิจฉัยว่า ชาวเลราไวย์คือผู้ที่มีสิทธิในที่ดิน และการออกโฉนดดังกล่าว เป็นการออกไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงพิพากษายกฟ้อง ซึ่งในส่วนของคดีในที่ดินแปลงดังกล่าว มีชาวบ้านถูกฟ้องอีกหลายราย
นายนิรันดร์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับคดีที่เจ้าของโฉนดแปลงต่างๆ ยื่นฟ้องชาวไทยใหม่ราไวย์ มีประมาณ 117 คดี ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีคดีที่ชาวไทยใหม่แพ้คดีบ้าง ชนะคดีบ้าง และล่าสุด มีการสั่งยกฟ้องไปรวม 6 คดี สำหรับการต่อสู้ของชาวไทยใหม่นั้นต่อสู้ในเชิงวัฒนธรรม เอาความจริงมาคุยกัน และพยานหลักฐานต่างๆ ที่นำมาแสดง เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการยืนยันว่า ชาวไทยใหม่เข้ามาอาศัยอยู่ยาวนานแล้ว
สำหรับความเป็นมาของคดีนี้ สืบเนื่องจากชาวเลราไวย์ได้ถูกเจ้าของโฉนดที่ดินที่ออกทับที่อยู่อาศัยของชาวเลทำการฟ้องขับไล่ ซึ่งปัจจุบันมีประชากรชาวเลประมาน 2,067 ครัวเรือน เนื้อที่ประมาณ 19 ไร่ และอาศัยกันอย่างหนาแน่น โดยชาวเลอ้างว่าได้อยู่อาศัยและทำมาหากินในพื้นที่พิพาทต่อเนื่องมากว่า 7 ชั่วอายุคน มีการตั้งบ้านเรือน มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง แต่ด้วยไม่รู้กฎหมาย จึงถูกบุคคลภายนอกที่เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ภายหลังแจ้งการครอบครอง ทำประโยชน์และออกเอกสารสิทธิในที่ดิน แล้วนำเอกสารสิทธิดังกล่าวมาฟ้องขับไล่ ในเบื้องต้นศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้ราษฎรชาวเลราไวย์ออกจากพื้นที่แล้ว 9 ราย และมีคดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์คำพิพากษา