ชาวเน็ตแฉคลิป พระไทยนักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ เห็นชายลักษะคล้ายพระ นุ่งกางเกงตัวเดียว เตะบอลกันในวัด ถามเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมหรือไม่
14 ธันวาคม 2559 โลกออนไลน์ได้เกิดกระแสการแชร์คลิป เผยพฤติกรรมของกลุ่มชายที่มีลักษณะคล้ายพระสงฆ์สามเณรกลุ่มหนึ่งที่สวมกางเกงเพียงตัวเดียว กำลังออกกำลังกายด้วยการเตะฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน อยู่บริเวณหลังกุฎิเจ้าอาวาสของวัดแห่งหนึ่ง จนทำให้ชาวเน็ตวิจารณ์ว่าหากกลุ่มคนดังกล่าวเป็นผู้ที่อยู่ในสมณะเพศจริง พฤติกรรมเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วเช่นนั้นหรือ
โดยคุณเก่ง สุขรัตน์ สมาชิกเว็บไซต์เฟสบุ๊กดอทคอม ซึ่งเป็นผู้นำคลิปดังกล่าวมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ในชื่อคลิป "นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่" ยังได้ระบุด้วยว่า คลิปดังกล่าวบันทึกภาพได้จากวัดแห่งหนึ่ง ในประเทศไทย แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดถึงวันเวลาที่บันทึกภาพได้
มีหลากหลายมิติในการแสดงความคิดเห็นดังนี้
ถ้าพระสงฆ์ออกกำลังกาย จะผิดศีลหรือไม่ครับ อยากทราบวิธีการออกกำลังกายในภาพของสงฆ์
เนื่องจากการเป็นพระ ต้องมีจริยวัตรที่งดงาม แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็เห็นว่า การดูแลร่างกายที่ยืมโลกมาใช้ ก็เป็นสิ่งที่สงฆ์ควรดูแล เนื่องจากไม่สามารถเลือกฉันอาหารได้ (ในแง่ของการเลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์) เช่น มีคนถวายขาหมูก็ต้องฉัน ถวายแกงกะทิก็ต้องฉัน ซึ่งส่วนใหญ่ตอนที่ผมบวช ก็มักจะพบว่า อาหารที่ได้รับบิณฑบาตรมา มักจะเป็นอาหารที่ไขมันสูง หรือไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนัก รวมทั้งค่อนข้างจะซ้ำเดิมๆ ทำให้ขาดสารอาหารบางอย่าง
ผมคิดว่า การออกกำลังกายจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ท่านจะทำได้ แต่ก็คงจะไปวิ่ง ไปว่ายน้ำ คงไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น ถ้าออกกำลังกายในกุฎิเอง เช่น วิดพื้น (ที่จริงภาพก็คงไม่งามนัก) จะผิดศีลหรือไม่ครับ (ผมอ่านนวโกวาท ไม่ได้ละเอียดนัก และจำไม่ได้ทั้งหมด จึงไม่แน่ใจ)
ผมเข้าใจว่า การเดินบิณฑบาตรและเดินจงกรม ก็ออกกำลังกายได้อย่างหนึ่ง แต่โดยหลัก ผมว่า เป็นไปเพื่อการเจริญสติมากกว่า
เชิญท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะหน่อยครับ
คุณวิท
จริงๆพระสามารถออกกำลังกายได้จากการเดินจงกรม หรือไม่จริงๆท่านจะฝึกโยคะก็ได้นะครับ ดีกว่าการออกกำลังกายชนิดอื่นที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมากๆด้วย อีกทั้งก็ดูเหมาะสมกับนักบวชด้วยครับ
คุณจักรพันธ์
อืม แต่ผมว่าอย่างวิดพื้น ซิทอัพ หรือโยคะก็ดี ถ้าทำภายในกุฏิ ที่ปิดมิดชิด ก็น่าจะเหมาะสมนะครับ
แต่การเดินจงกรม และเดินบิณฑบาตรนั้น ผมเห็นว่าเป็นการเดินเพียงระยะสั้น ๆ อย่างช้า ๆ และไม่ได้ทำให้มีการกระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดแรงขึ้น (เพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง หรือ เรียกว่าการทำ Cardio) เพราะเนื่องขยับร่างกายเพียงเล็กน้อย อีกทั้งยังต้องมีสติสำรวม เลยคิดว่าถ้าจะนับว่าเป็นการ "ออกกำลังกาย" ไม่น่าจะได้นะครับ
อืม~ พักนี้ผมตอบคำถามมักจะใช้คำว่า "ผมว่า" "ผมเห็นว่า" อยู่เป็นประจำ อัตตา ขึ้นอีกแล้วสิเราหนอ
คุณธิบูรณ์
เล็กๆน้อยๆอย่างที่ว่าน่าจะได้เพราะในศีลปาฏิโมกข์ก็ไม่มีข้อห้ามนะครับ แต่ในข้ออาบัติเล็กน้อยอย่างเช่นทุกกฏไม่รู้ว่าจะมีหรือเปล่า ตอนผมบวชอยู่ที่วัดป่า(เคร่งครัดทีเดียว) ส่วนตัวผมไม่ได้ทำนะครับ เพราะวันหนึ่งขึ้นเขา ลงเขา 2 รอบก็จะแย่แล้วครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าแบบเตะบอล ตีปิงปองอะไรพวกนี้เพราะมันจะนำมาซึงการก่อเกิดกิเลศได้เข้าข่ายอาบัติ ตอนเช้าผมลงมาอุปฐากหลวงปู่ท่านก็ออกกำลังกายด้วยวิธีการเหวี่ยงแขนให้เลือดลมเดินดีขึ้นครับ แต่ยังไงถ้ามีผู้รู้จริงช่ายชี้ทางสว่างก็ขอบพระคุณด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
คุณ ส.บุญเกิด
การดูแลเสนาสนะให้สะอาดเป็นประจำ เช่น กวาดลานวัด ถูพื้นกุฏิที่พักของตัวเอง ก็น่าจะเป็นวิธีการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง
นอกจากนี้ หลังจากฉันอาหารเพลแล้ว ก็ควรจงกรม (เดินไปเดินมา) อย่างน้อยสัก 10 - 20 นาที ก่อนที่จะนั่งหรือนอน จะเดินเร็วเดินช้า ก็ไม่สำคัญ เป็นการเจริญสติไปด้วย อานิสงส์ทางอ้อม คือ เป็นการออกกำลังกายไปด้วยนั่นเอง ข้อนี้พึงเห็นอานิสงส์ในการเดินจงกรม (เดินไปและเดินมา) ที่พระองค์ตรัสไว้ในพระบาลีอังคุตรนิกาย ปัญจกนิบาต จังกมสูตร ความว่า 9. จังกมสูตร [29] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการจงกรม 5 ประการนี้
5 ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุผู้เดินจงกรมย่อมเป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล 1 ย่อมเป็นผู้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร 1 ย่อมเป็นผู้มีอาพาธน้อย 1 อาหารที่กินดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้วย่อมย่อยไปโดยดี 1 สมาธิที่ได้เพราะการเดินจงกรมย่อมตั้งอยู่ได้นาน 1 ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการเดินจงกรม 5 ประการนี้แล ฯ จบสูตรที่ 9
คุณธงชัย
ขอบคุณคุณ ส.บุญเกิด ที่ช่วยคัดลอกพระสูตรมาชี้แนะครับ
อย่างที่คุณ คุณจักรพันธ์ ให้ความเห็นไว้ก็คือ ผมหมายถึงการออกกำลังกายอย่างเดียวกันนั่นคือพวก Cardiovascular แต่ติดที่ว่า การออกกำลังแบบนี้จะเป็นแอโรบิก คือใช้ลมหายใจในการสร้างพลังงาน และร่างกายก็จะต้องเคลื่อนไหวเร็ว แต่ไม่ต้องใช้พลังกล้ามเนื้อมาก ซึ่งผมคิดว่าการเป็นพระสงฆ์ ก็ไม่น่าจะเหมาะที่จะทำเช่นนั้น ถ้าแอบทำได้ ผมเห็นว่าคงจะมีแต่กระโดดเชือก แต่การแอบทำ หากผิดศีล ก็คือผิดอยู่ดี
ในการออกกำลังกายอีกแบบคือ อนาโรบิก จะเป็นการเคลื่อนไหวช้าๆ และใช้กล้ามเนื้อในการสร้างแรงเป็นหลัก เช่น การยกน้ำหนัก ซึ่งผมว่าไม่เหมาะในแง่ของการทำให้ยึดติดกับกาย เกิดกิเลสอยากมีกล้ามเนื้อให้สวยงาม (แบบที่ตอนนี้ผมเป็นอยู่หน่อยๆ) ก็คิดว่าไม่ควรทำอย่างชัดเจน
ถ้าจากพระสูตรข้างต้น ก็เห็นว่า คงต้องเดินจงกรม หรืออยู่ป่า น่าจะมีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าในเมืองนะครับ ก็คงเป็นทางออกอย่างหนึ่งได้
คุณนิลุบล
พระป่ามีวิธีออกกำลังดังต่อไปนี้
เดินจงกรม
เดินบิณฑบาต
ทำงานวัด ปัดกวาดลานวัด ผ่าฟืน(ไม้แห้ง)
ตักน้ำใส่ตุ่ม เก็บขยะ ล้างห้องน้ำส่วนรวม
ถูศาลา ซักผ้าเช็ดเท้า
ล้างกระโถน และอื่นๆ แค่นี้ก็เหงื่อออก
การออกกำลังกายคือทำให้ร่างกายแข็งแรง มีกำลัง
ท่านจะทำควบคู่กับออกกำลังจิต คือทำให้จิตมีกำลัง