ขอความเป็นธรรม! รัฐกดดันคริสต์จริงหรือ? ความเคลื่อนไหวการร้องคัดค้าน พรบ.ศาสนาคริสต์
สำนักงานใหญ่สมาคมสหพันธกิจคริสเตียนไทย
เลขที่ 2 ถนนร่วมมิตรพัฒนา แขวงท่าแร้ง
เขต บางเขน กรุงเทพฯ 10220
วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2559
เรื่อง ขอความเป็นธรรม
เรียนฯพณฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี ผ่านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
อ้างถึง 1. คำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 49/2559 เรื่องมาตรการอุปภัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆในประเทศไทยและการประชุมตามคำสั่ง คสช ที่ 49/2559 (ครั้งที่ 1/2559) วันพุธที่ 22สิงหาคม 2559
2. หนังสือขอเข้าพบเพื่อชี้แจงและขอเข้าร่วมในฐานะองค์กรทางศาสนาคริสต์ซึ่งเป็นศาสนาที่ราชการให้การรับรอง
เรียน ฯพณฯ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2559
สิ่งที่ส่งมาด้วย
1.เอกสารประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ การบริหารองค์กรศาสนาคริสต์ พ.ศ. ..
(พลเอกปรีชา โรจนเสน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะ เป็นผู้เสนอ) บรรจุระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 57/2550 วันพุธที่ 10 ตุลาคม 2550
2.หนังสือด่วนที่สุด ที่ สว (สนช) (กมธ3) 0019/ว4263 ของ คณะกรรมาธิการศาสนาศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 เรื่อง รายงานความคืบหน้าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารองค์การศาสนาคริสต์ในประเทศไทย พ.ศ. ...
3.ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนขององค์กรนิติบุคคลของศาสนาคริสต์7 องค์กรที่ทางราชการให้การรับรองกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
4.หนังสือเครือข่ายประสานงานองค์กรคริสต์ในประเทศไทย (จากทั่วประเทศ) ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2558
5. เอกสารจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สนช.64 ที่กล่าวถึง ความเห็นของคณะรัฐมนตรีต่อร่างพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาคริสต์ พ.ศ. …
ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 49/2559 เรื่อง มาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่าง ๆ ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2559 นั้น บัญญัติไว้ในข้อ 4 ว่า
“ให้สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สถาบันการศึกษาด้านศาสนา องค์กรปกครองคณะสงฆ์ องค์กรทางศาสนาต่าง ๆ ที่ทางราชการรับรอง ร่วมกันกำหนดมาตรการและกลไกในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ของศาสนิกชนของทุกศาสนา การนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปประเทศ”
แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการ “ร่วมกันกำหนดมาตรการและกลไกในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ของศาสนิกชนของทุกศาสนา การนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปประเทศ” นั้น กรมการศาสนา สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นต้นเรื่องหลักในการดำเนินการดังกล่าวได้มีการเชิญผู้แทนองค์กรศาสนาคริสต์เพียง 5 องค์กรเข้าร่วมประชุมเพื่อจัดทำ (ร่าง) แผนการอุปถัมภ์คุ้มครองศาสนาต่างๆ ภายใต้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 49/2559 (ครั้งที่ 1/2559) เมื่อวันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2559 เป็นต้นมา แต่กลับมิได้เชิญองค์กรศาสนาคริสต์อื่นๆ โดยอ้างว่าทางราชการไม่ได้รับรองนั้น ทางฝ่ายองค์กรศาสนาคริสต์นอกเหนือจาก 5 องค์กรดังกล่าวเห็นว่าไม่เป็นธรรม ไม่ถูกต้อง ดังเหตุผลต่อไปนี้
1. ในฐานะที่องค์กรศาสนาคริสต์ 5 องค์กรที่ทางกรมการศาสนาอ้างว่ารับรองนั้นเป็นเพียงการรับรู้ตามระเบียบทางราชการที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้นเป็นการอาศัยระเบียบที่ไม่มีกฎหมายรองรับ (ปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 หน้าที่ 14)
2. กรมศาสนาก็ไม่ได้ยืนยันว่าองค์กรศาสนาคริสต์ทั้ง 5 องค์กรมีฐานะพิเศษกว่าองค์กรศาสนาคริสต์อื่นๆ (ปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 ความว่า“ องค์การศาสนาคริสต์ทั้ง 5 ที่กรมการศาสนารับรอง มีความชอบธรรม ที่จะเป็นองค์การศาสนาคริสต์ต้นบัญญัติตามที่อ้างหรือไม่ มีฐานะพิเศษเหนือกว่าองค์การศาสนาคริสต์อื่นๆ หรือไม่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวกรมการศาสนายังมิได้มีการยืนยัน”)
3. ในทางตรงกันข้ามองค์กรศาสนาคริสต์อื่นๆ ที่ไม่ใช่กลุ่ม 5 องค์กรศาสนาดังกล่าวต่างก็มีกฎหมายรองรับ และเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายและเป็นองค์กรศาสนาที่ทางราชการให้การรับรองตามกฎหมายจึงสมควรที่จะได้มีส่วนร่วมและมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะได้รับการเชิญเข้าร่วมในกระบวนการจัดทำ (ร่าง) แผนการอุปถัมภ์คุ้มครองศาสนาต่างๆ ภายใต้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 49/2559 ดังกล่าวนี้ด้วย
4. องค์กรศาสนาคริสต์ทั้ง 5 ที่กรมศาสนาอ้างว่ารับรองนั้นเคยร่วมกันมีส่วนร่วมในการเสนอร่างพระราชบัญญัติการบริหารองค์การศาสนาคริสต์ในประเทศไทย พ.ศ. ... ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกระหว่างองค์การศาสนาคริสต์และหรือคริสตศาสนิกชน (ปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 ความว่า”มีปัญหาว่าการแต่งตั้งผู้แทนขององค์กรคริสต์ศาสนาทั้ง 5 ที่กรมการศาสนารับรอง ให้เป็นคณะกรรมการกำกับดูแลองค์การศาสนาคริสต์ทั้งหมดในประเทศไทย มีความเป็นธรรมและเหมาะสมหรือไม่ การที่จะมอบอำนาจให้องค์การศาสนาคริสต์นิกายหนึ่ง นิกายใด ควบคุมดูแลการบริหารองค์การศาสนานิกายอื่น มีเหตุผลและความถูกต้องเพียงใด เพราะคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกมีการปกครองแยกกับคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ ศาสนานิกายโปรเตสแตนท์ และศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์มีมากมายหลายนิกายต่างก็แยกกันบริหารเป็นเอกเทศ”
5. องค์กรทางศาสนาคริสต์มิใช่มีเพียง 5 องค์กรศาสนาเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังมีองค์กรศาสนาคริสต์หรือนิกายทางศาสนาคริสต์อื่นๆ อีกจำนวนมากที่ทางราชการให้การรับรองโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยให้การคุ้มครอง และตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 49/2559 ความว่า “ รัฐธรรมนูญจึงได้กำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐว่า รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ซึ่งในประวัติการปกครองของประเทศไทย พระมหากษัตริย์และทางราชการได้อุปถัมภ์บำรุง และอารักขาคุ้มครองศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์เสมอมา... ” โดยองค์กรศาสนาคริสต์เหล่านี้ที่ทางราชการรับรองด้วยเช่นกัน กลับยังไม่ได้เข้าร่วมในกระบวนการ ของแผนการอุปถัมภ์คุ้มครองศาสนาต่างๆ ภายใต้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 49/2559 ดังกล่าวอีกจำนวนมากมายหลายองค์กรจึงทำให้ยังไม่ครบถ้วนและถูกต้องสมบูรณ์
ในอีกประการหนึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยในปัจจุบันได้รับรองและคุ้มครองฐานะขององค์กรทางศาสนาทุกศาสนา ซึ่งศักดิ์ทางกฎหมายอยู่เหนือกว่าระเบียบของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมและกฎหมายอื่นๆ ดังนั้นการดำเนินการของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม กรณีไม่เชิญองค์กรทางศาสนาคริสต์นิกายอื่น ๆ ในประเทศไทยให้มาร่วมประชุมเพื่อมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการและกลไกในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ของศาสนิกชนของทุกศาสนา การนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปประเทศ ตามนัยยะของคำสั่ง คสช.ข้างต้น จึงเข้าข่ายขัดต่อเจตนารมณ์ของคำสั่ง คสช. ดังกล่าวโดยชัดแจ้ง อีกทั้งเป็นการกระทำที่ส่อไปในทางขัดความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้ให้การคุ้มครองผู้นับถือศาลนาทุกศาลนาอย่างเท่าเทียมกัน โดยได้บัญญัติให้รัฐเป็นผู้อุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาทุกศาสนาด้วย
ดังนั้นการที่กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้มีหนังสือเชิญองค์กรศาสนาคริสต์เพียง 5 องค์กรมาร่วมกำหนดมาตรการและกลไกในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ของศาสนิกชนของทุกศาสนา การนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปประเทศดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยคำสั่งของ คสช. ข้างต้นและขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันโดยชัดแจ้ง
ดังนั้น การได้มาซึ่ง (ร่าง) แผนหรือมาตรการและกลไกในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ของศาสนิกชนของทุกศาสนา การนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปประเทศ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 49/2559 จึงเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการขัดต่อขั้นตอน วิธีการตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และก่อให้เกิดความแตกแยกและความขัดแย้งและกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ไม่เป็นไปตามคำสั่ง คสช.ที่ 49/2559 ความว่า “ในขณะที่ประเทศชาติกำลังต้องการความรู้รักสามัคคี ความปรองดองและการปฎิรูปประเทศเพื่อไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ความสงบเรียบร้อย และความร่มเย็นเป็นสุข” เพราะยังมีองค์กรศาสนาคริสต์อื่นๆ อีกจำนวนมาก ไม่ใช่มีเพียงแต่ 5 องค์กรศาสนาตามความต้องการส่วนตัวของผู้บริหารกรมการศาสนาเท่านั้น และองค์กรศาสนาคริสต์อื่น ๆ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากก็ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและได้รับการรับรองจากทางราชการหรือภาครัฐแล้วด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งองค์กรศาสนาคริสต์อื่นๆ เหล่านั้นต่างก็มีสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้การคุ้มครองด้วยเช่นกัน ดังกรณีของศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ในประเทศไทยปัจจุบันมี 6 นิกาย (ปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 หน้าที่ 24 และ 25) แต่กลุ่ม 5 องค์กรศาสนาคริสต์ดังกล่าวเป็นเพียงบางกลุ่มหรือบางนิกายเท่านั้น หาใช่ทั้งหมดขององค์กรคริสต์ศาสนาในประเทศไทยไม่ การที่กรมการศาสนาเรียกประชุมองค์กรคริสต์ศาสนาบางองค์กร ไม่ครอบคลุมองค์กรทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศไทย จึงไม่เป็นธรรม ไม่ก่อให้เกิดความเสมอภาค และก่อให้เกิดความแตกแยกในศาสนาคริสต์
เหตุดังกล่าวองค์กรคริสต์ศาสนาจำนวน 7 องค์กรและสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงใคร่ร้องเรียนมายังฯพณฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี ผ่านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อโปรดพิจารณาและสั่งการให้กรมการศาสนา ดำเนินการเชิญหรือเรียกให้องค์กรศาสนาคริสต์อื่นๆ ที่ทางราชการให้การรับรองตามกฎหมายนอกเหนือจากองค์กรศาสนาคริสต์ทั้ง 5 องค์กรที่กรมการศาสนาเชิญประชุมนั้น ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำ (ร่าง) แผนหรือมาตรการและกลไกในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ของศาสนิกชนของทุกศาสนา การนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปประเทศ ตามเจตนารมณ์ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 49/2559 ด้วย
อนึ่ง หากการจัดทำ (ร่าง) แผนหรือมาตรการและกลไกฯ ดังกล่าวได้ดำเนินการไปก่อนแล้วโดยไม่มีกระบวนการการมีส่วนร่วมขององค์กรคริสต์ศาสนาอื่นตามคำร้องหรือหนังสือฉบับนี้ ขอความเมตตาจาก ฯพณฯ ได้โปรดสั่งการให้มีการระงับและทบทวนการรับรองแผนฯดังกล่าว แล้วสั่งการให้กรมการศาสนานำ (ร่าง) แผนหรือมาตรการและกลไกฯดังกล่าว มาดำเนินการจัดประชุมและหารือให้ได้ข้อยุติร่วมกันขององค์กรศริสต์ศาสนาทุกองค์กรอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมเสียก่อนด้วย
เครือข่ายองค์กรศาสนาคริสต์ที่เป็นนิติบุคคลที่ทางราชการรับรอง จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณานำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พิจารณาความเหมาะสม ถูกต้อง เป็นธรรมต่อไป อนึ่ง หากท่านได้ดำเนินการตามข้อร้องเรียนตามหนังสือฉบับนี้แล้วมีผลปรากฏเป็นประการใด ใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่านแจ้งให้เครือข่ายฯทราบด้วย ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ประกอบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 และพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 และขอขอบคุณท่านล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
(ศจ.ดร.สุรพล บุญประถัมภ์)
นายกสมาคมสหพันธกิจคริสเตียนไทย
รายชื่อเครือข่ายองค์กรศาสนาคริสต์
(ศจ.ดร.สุรพล บุญประถัมภ์)
นายกสมาคมสหพันธกิจคริสเตียนไทย
(พลตรีชัยกร ราษฏ์ดุษฎี)
ประธานมูลนิธิคริสเตียนข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตำรวจในประเทศไทย
(นาย ธวัช เย็นใจ)
ประธานมูลนิธิสยามพระพรอาเซียน
(นายสุทธิพร สมจาย)
มูลนิธิพันธกิจสร้างสรรค์
(นายวิโรจน์ ขวานทอง)
ประธานมูลนิธิน้ำนมแห่งชีวิต
(นางวราภรณ์ กู้วณิชย์กุล)
ประธานมูลนิธิไมตรีจิตสัมพันธ์
(นางกนิษฐา เรียบร้อย)
ประธานมูลนิธิคริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์ในประเทศไทย
(นายศรีสุวรรณ จรรยา)
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
ปฏิบัติหน้าที่นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
https://www.facebook.com/PraphanPNawrat