ควันหลงปราบทัวร์ศูนย์เหรียญแน่หรือ?
กำลังเป็นกรณีสุด “ดราม่า” ที่มีใครบางคนตีปี๊บให้น่ากลัวเหลือกำลัง...กับเรื่องที่ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวบางแห่งออกมาประโคมข่าวผลพวงจากการที่รัฐดำเนินมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างเอาจริงเอาจังก่อนหน้าและโดยเฉพาะการทลายเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญรายใหญ่ของประเทศนั้น กำลังทำให้เศรษฐกิจและภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศทรุดฮวบลง
จนถึงขนาดที่ “ติ่ง” หรือเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญบางรายออกมาเรียกร้องให้ รมต.กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.กระทรวงท่องเที่ยวแสดงความรับผิดชอบ ราวกับว่าหากรัฐบาลต้องการ “ไถ่บาป” เองที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องล้มเลิกนโยบขายปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญและยินยอมให้ขบวนการยืมประเทศไทยทำมาหากินนั้นดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เล่นเอาผู้คนในภาครัฐ รวมทั้งตัว รมต.กระทรวงท่องเที่ยวที่ปกติก็แทบจะไม่เคยได้โชว์วิสัยทัศน์ในการปลุกตลาดท่องเที่ยวและกอบกู้วิกฤติท่องเที่ยวอยู่แล้วไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ข้อมูลที่สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 1 เปิดเผยล่าสุดนั้นยอมรับว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวภาคเหนือมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 50% ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 70% เนื่องจากบรรยากาศของคนไทยยังไม่อยู่ในช่วงต้องการท่องเที่ยว รวมถึงจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญทำให้ตลาดทัวร์จีนลดลง แต่หลังจากนี้เอกชนจะปรับแผนนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่เน้นเส้นทางท่องเที่ยวตามโครงการพระราชดำริ ส่วนในตลาดต่างชาติที่ลดลง ทั้งจีน ยุโรปและกลุ่มสแกนดิเนเวียนั้น เตรียมชี้แจงทำความเข้าใจให้ทราบว่ายังสามารถมาท่องเที่ยวทำกิจกรรมในประเทศไทยได้ตามปกติ
คุณสุวัฒน์ แพภิรมย์รัตน์ ประธานชมรมโรงแรมเมืองพัทยา ก็ออกมาเปิดเผยว่า จากปฏิบัติการกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้พัทยามีจำนวนห้องพักมากถึง 150,000 ห้อง ได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ในทำเลยอดนิยม ในช่วงเดือนสิงหาคม -กันยายน นักท่องเที่ยวจีนหายไป 30-40% เดือนตุลาคมหายไป 70-80% เดือนพฤศจิกายนคาดว่าจะถึง 90% ขณะที่ฝรั่งต่างชาติหายไปอีก 5-10%
“ปกติไฮซีซั่นมีอัตรานักท่องเที่ยวเข้าพัก 90% ตอนนี้เหลือเพียง 10-15% เท่านั้น แถมยังต้องลดราคาลง สำหรับโรงแรม 4 ดาว ปกติราคาขายห้องละ 1,300-1,500 บาท แต่ตอนนี้เหลือ 800-900 บาท ส่วน 3 ดาว จากราคา 900-1,000 บาท ตอนนี้เหลือ 700-800 บาท ขณะนี้เอกชนเริ่มต่อรองขอผ่อนผันดอกเบี้ยกับธนาคารแล้ว มองว่าภาพรวมพัทยาไม่น่าจะกระเตื้องในเร็ว ๆ นี้ จนถึงตรุษจีน”
ก่อให้เกิดคำถามมูลเหตุที่ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงในช่วง 1-2 เดือนมานี้ เป็นผลพวงมาจากมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างเอาจริงเอาจังของรัฐบาลหรือไม่? หรือเป็นผลพวงมาจากบรรยากาศอันเศร้าสลดที่ประชาชนคนไทยกำลังเผชิญอยู่จากการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัยกัน มันน่าจะเป็นประการหลังมากกว่าไหม!
เพราะภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อค่ำวันที่ 13 ตุลาคม 59 เป็นต้นมา ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าล้วนตกอยู่ในภาวะเศร้าโศกชนิดที่เรียกได้ว่าถนนทุกสายนั้นมุ่งมั่นไปยังพระบรมมหาราชวังเพื่อขอมีส่วนร่วมถวายอาลัยแด่พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัยเท่านั้น ตลอดห้วงขวบเดือนที่ผ่านมานั้นกล่าวได้ว่า ไม่มีการจัดกิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยว หรือโปรโมทกิจกรรมด้านท่องเที่ยวใดๆ และไม่แต่ประเทศไทยแต่ยังเป็นที่รับรู้กันไปทั่วโลกว่า ตลอดขวบเดือนที่ผ่านมานั้นประเทศไทยแทบจะงดกิจกรรมสันทนาการ กิจกรรมรื่นเริงเกือบทุกชนิดเพื่อร่วมถวายความอาลัยแด่องค์พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัยเท่านั้น
ภาวการณ์ท่องเที่ยวของประเทศจะไม่ซบเซาลงไปได้อย่างไร ?
ทั้งหมดนี้หาได้เกิดจากผลพวงมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญเช่นที่ผู้ประกอบการบางรายกำลัง ”ยกเมฆ” เพียงเพื่อที่จะให้รัฐบาลเคลิ้มไปกับข้อมูลลวงโลกของตน
ก็ลองปูเสื่อติดตามกันต่อไปว่าหลังจากที่รัฐบาลเปิดกว้างให้ภาคธุรกิจและท่องเที่ยว ตลอดจนกิจการที่เกี่ยวเนื่องได้กลับมาดำเนินการตามปกติแล้วในวันนี้ รวมทั้งกิจกรรมรื่นเริงสันทนาการแล้ว ภาวะท่องเที่ยวมันจะทรุดฮวบลงไปอย่างที่กำลังประโคมกันอยู่นี้หรือไม่ แต่หากเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้มาจากเครือข่ายขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญแล้ว หากจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะหดหายไปสัก 1-2 ล้านรายก็คงไม่ได้ทำให้ประเทศไทยสะเทือนซางอะไรแน่
ตรงกันข้ามกลับจะทำให้สถานที่ท่องเที่ยวไทยมีความน่าสัมผัสและน้าท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำหากปราศจากนักท่องเที่ยวไร้รสนิยมกลุ่มนี้ที่เพียงอาศัยประเทศไทยเป็นแค่สถานที่รีดผลประโยชน์เข้าพกเข้าห่อเครือข่ายของตนเท่านั้น!!!