พบทางช่องทางลับใหม่ 2 ช่องในพีระมิดคูฟู

นักวิทยาศาสตร์จากโครงการ San Pyramids พบช่องลับในมหาพิรามิดแห่งกิซา

มหาพีระมิดแห่งกีซา หรือพีระมิดคูฟู เป็นพีระมิดแบบอียิปต์ที่มีขนาดใหญ่โตสุด คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยฟาโรห์คูฟู แห่งราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณเมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล

ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีการเข้าสำรวจทางกายภาพหลายครั้งและเชื่อมั่นว่าไม่น่ามีช่องลับในมหาพิรามิดที่หลุดรอดสายตาไปได้แล้ว

แต่ล่าสุด โครงการ Scan Pyramids ของหมาวิทยลัยไคโร ซึ่งอาศัยหลักการค้นหาความลับในสิ่งก่อสร้างโดยใช้เทคโนโลยีระยะไกล ได้พบว่าอาจมีช่องลับ หรืออุโมงค์ หรือทางเดินที่ยังใหม่ต่อการค้นพบหลบซ่อนในมหาพิรามิดอีก

วิธีการของ Scan Pyramids นอกจากจะใช้ภาพถ่ายความร้อนแบบอินฟราเรดเทอโมกราฟีแล้ว ทีเด็ดที่สุดคือการดักจับ “มิวออน อนุภาคมูลฐานที่เดินทางมาพร้อมกับรังสีคอสมิค

โลกเราถูกรังสีคอสมิคจากอวกาศพุ่งเข้าใส่อยู่ตลอดเวลา อนุภาคอันตรายไม่อาจลงถึงพื้นโลกได้เนื่องจากติดอยู่ในแถบบรรยากาศโอโซน แต่อนุภาคมูลฐานบางชนิดเช่นมิวออน ยังคงทะลุเข้ามาได้

คล้ายๆกับอนุภาคนิวตริโน อนุภาคมิวออนจะเดินทางทะลุผ่านทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหินผาภูเขาหนาเท่าใดๆ ผ่านร่างกายเรา ผ่านทะลุโลกทั้งใบไปออกอีกด้านหนึ่ง แล้วเดินทางต่อไปในอวกาศ

ทีมงาน  Scan Pyramids  จะนำแผ่นฟิล์มที่มีความไวต่อมิวออนไปวางไว้ใจกลางพิรามิด เมื่ออนุภาคมิวออกพุ่งผ่าน มันจะทิ้งร่องรอยไว้บนฟิล์ม จากนั้นก็เอาแผ่นฟิล์มไปวิเคราะห์

โครงการนี้เคยมีผลงานค้นพบช่องลับในพีระมิดหักงอ (Bent Pyramid) ของฟาโรห์สนอฟรูมาแล้วเมื่อเดือน พ.ค. 59

และเมื่อกลางเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้มีการประกาศถึงการพบร่องรอยความผิดปกติของเส้นทางเดินของอนุภาคมิวออนจำนวน 2 จุด  แสดงให้เห็นว่าอาจมีช่องทางหรืออุโมงค์ลับที่เรายังไม่เคยค้นพบ 2 แห่ง ปรากฏในมหาพิรามิดแห่งกิซา

การค้นพบล่าสุดนี้ ยังมีหลายฝ่ายแสดงความไม่แน่ใจ เช่น ซาฮี ฮาวัสส์ อดีตผู้อำนวยการขุดค้นมหาพีระมิดแห่งกีซา แห่งกระทรวงโบราณคดีแห่งอียิปต์ ที่ให้ความเห็นว่า ไม่น่าจะมีห้องลับที่หลงหูหลงตาซ่อนอยู่ในมหาพีระมิดอีก ความผิดปกติของอนุภาควิมออนอาจมาจากรอยแตกหรืออะไรที่เป็นความผิดพลาดในขั้นตอนการก่อสร้างพิรามิดยักษ์นี้มากกว่า

เรื่องนี้ก็ต้องรอการยืนยันกันต่อไป