การเลือกตั้งจบลงท่ามกลางความสับสนของชาวอเมริกัน
ในเช้าวันพุธที่ผ่านมา ชาวอเมริกันต้องตื่นมาเพื่อพบว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ แต่ก็ยังคงสับสนอยู่ว่าทิศทางของประเทศในอนาคตจะเป็นอย่างไร
การแข่งขันอันดุเดือดเพื่อชิงตำแหน่งสูงสุดของทำเนียบขาวนี้ เป็นการขุดหลุมฝังผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งทั้งจากพรรคเดโมเครตและรีพับลิกัน ทำให้ผู้ลงคะแนนเสียงต่างก็เป็นกังวลต่ออนาคตของประเทศ
ปีนี้ที่มีการเลือกตั้ง ชาวอเมริกันต่างก็กระตือรือร้นที่จะทราบถึงนโยบายของประเด็นสำคัญที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ อีกทั้งยังมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่คำพูดที่ไม่ดีต่อผู้หญิงของทรัมป์ และอีเมลที่อื้อฉาวของคลินตัน
การต่อสู้ที่ยึดยื้อกันเหมือนแข่งขันชักเย่อนี้ ทำให้บรรดาผู้ลงคะแนนเสียงต่างก็ “ประหลาดใจ” และมองการแข่งขันนี้ว่าดำเนินมาถึง “จุดที่ตกต่ำ” ดังนั้นผู้ลงคะแนนเสียงจึงรู้สึกผิดหวังและหมดหวังว่า พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเลือกผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่พวกเขาไม่ชอบที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา
การหาเสียงในเชิงลบได้ดำเนินเรื่อยมา ซึ่งการโต้วาทีเพื่อชิงตำแหน่งปธน.นั้นก็ก่อให้เกิดการโจมตีระหว่างบุคคลที่ไม่สิ้นสุด อีกทั้งบทสนทนาทั่วไประหว่างเพื่อนและครอบครัวก็สามารถปะทุให้เกิดคำพูดที่เสียดแทงจนเจ็บปวด ซึ่งความเห็นพ้องต้องกันทางสังคมและการประนีประนอมได้กลายเป็นสิ่งที่หายาก
อย่างไรก็ตาม ความเป็นปรปักษ์ที่น่ากลัวจะติดตามผู้ชนะเข้าสู่ทำเนียบขาวไปด้วย ทำให้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯจะช่วยรวบรวมประเทศที่แตกร้าวนี้กลับมาสมานกันดังเดิมได้
ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีนี้ยังเป็นโอกาสให้สามารถพิจารณานโยบายด้านสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ แต่วิธีแก้ไขปัญหาดูเหมือนจะไม่บรรลุปัญหาด้านโครงสร้าง เช่น ขั้วอำนาจการเมือง การหดตัวของชนชั้นกลาง การควบคุมอาวุธปืน การสาธารณสุข และการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
อีกทั้งการประกาศที่จะสร้างกำแพงชายแดนกับเม็กซิโกของทรัมป์ เพื่อปิดกั้นการอพยพที่ผิดกฎหมายนั้น ก็ทำให้เกิดคำถามจากหลายฝ่าย รวมถึงพรรครีพับลิกันของเขาเองด้วย
การผงาดของทรัมป์ ที่เป็นคนนอกวงการการเมือง ได้เจาะเข้าถึงความโกรธและความขุ่นมัวของคนที่ถูกทิ้งจากยุคโลกาภิวัตน์ ที่กลายเป็นปัญหาที่น่ากลัวภายในประเทศ ซึ่งฝังรากลึกก่อให้เกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมกันด้านสังคมและเศรษฐกิจ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ การเลือกตั้งปี 2016 ยังส่งสัญญาณแสดงให้เห็นว่า ระบบการเมืองของสหรัฐฯกำลังสั่นคลอน เนื่องจากหลังการเลือกตั้งจบลง กลับเกิดกระแสการต่อต้านผลการเลือกตั้งขึ้นภายในประเทศ
การก้าวขึ้นมาของทรัมป์ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในพรรครีพับลิกัน ซึ่งอาจทำให้พรรคแตกแยกได้ ดังนั้นพรรครีพับลิกันจะดำเนินการภายใต้ประธานาธิบดีคนใหม่นี้ได้อย่างไร เป็นสิ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง!
(ผู้เขียน Zhu Lei, Qi Zijian / บรรณาธิการ huaxia)