โฆษกรัฐบาลเผยยิ่งลักษณ์ซื้อข้าวชาวนาเป็นเรื่องดี หากโหนกระแสจัดฉาก“ดรามา”กลบความผิดเรื่องของตัวเองก็ไม่ถูกต้อง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงไปพบชาวนาในอุบลราชธานี,ศรีสะเกษและสุรินทร์เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559

“ยิ่งลักษณ์”ปล่อยโฮหลังชาวนาห่วงใยปมถูกเรียกค่าเสียหายกว่า 3.5 หมื่นล้านบอก“ก็ไม่รู้จะชดใช้ยังไงหมด” พล.อ.ประวิตรบอกไม่รู้การเมืองหรือเปล่า โฆษกรัฐบาลหากยิ่งลักษณ์จริงใจเป็นเรื่องดี แต่หากโหนกระแส จัดฉากดรามา เอาความเดือดร้อนของชาวนามาแสงหาประโยชน์ทางการเมืองก็ไม่ถูกต้อง กลบความผิดในอดีตของตัวเอง

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2559 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี,ศรีสะเกษและสุรินทร์ เพื่อเยี่ยมเยือนชาวนาและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากวิกฤตราคาข้าวตกต่ำในปัจจุบัน

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเครื่องบินไปลงที่สนามบินนานาชาติจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายสมบัติ รัตโน, นายสมคิด เชื้อคง พร้อมสมาชิกพรรคในจังหวัดอุบลราชธานีไปรอต้อนรับที่สนามบิน จากนั้นเดินมายังหน้าโรงเรียนเทศบาล 3 สามัคคี ถ.แจ้งสนิท ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปเยี่ยมทักทายกลุ่มชาวนาที่มาจากอำเภอเดชอุดม, ม่วงสามสิบ, เหล่าเสือโก้ก, เขื่องใน และเขตอำเภอเมืองประมาณ 20 ราย ซึ่งสีข้าวสารหอมมะลิรวมกันประมาณ 3 ตันมานั่งจำหน่ายอยู่ริมรั้วหน้าโรงเรียนดังกล่าว  น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้พูดคุยสอบถามเรื่องราคาซื้อขายข้าวระหว่างชาวนากับโรงสี ก็ได้รับคำตอบว่าราคาข้าวเปลือกในปีนี้ตกต่ำลงมาก โดยข้าวเปลือกสีใหม่สด โรงสีรับซื้อที่กิโลกรัมละไม่เกิน 7 บาท ตามความชื้นของข้าว หรือบางรายที่ยังมีน้ำปะปนสูงจนเครื่องไม่สามารถตรวจวัดความชื้นได้ โรงสีจะหักร้อยละ 10 ของข้าวเปลือกที่นำไปขายให้

ทำให้ชาวนาเหล่านี้ตัดสินใจรวมกลุ่มกันนำข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวไปตากแห้ง แล้วนำไปให้โรงสีในหมู่บ้านสีเป็นข้าวสารนำมาขายกิโลกรัมละ 20 บาท เมื่อหักต้นทุนค่าผลิต ค่าสี และค่าขนส่งชาวนายังได้กำไรเพิ่มจากการขายข้าวสารอีกกิโลกรัมละ 5 บาท จึงดีกว่าการนำไปขายให้โรงสีเหมือนที่ผ่านมา

น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้พูดคุยและรับปากหากมีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศอีก จะช่วยผลักดันราคาข้าวของชาวนาให้สูงขึ้นอีกครั้ง พร้อมแจกลายเซ็นบนถุงบรรจุข้าว และซื้อข้าวสารจากกลุ่มชาวนาที่นำมาวางขายมอบให้กลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ติดตามมาคนละ 5 กิโลกรัมเพื่อช่วยเหลือชาวนากลุ่มดังกล่าว

หลังจากนั้นได้เข้าเยี่ยมชาวนาที่นำข้าวสารไปวางขายที่หน้าโรงเรียนอุบลวิทยาคม และหน้าธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาตลาดบ้านดู่ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี

ยิ่งลักษณ์น้ำตาคลอบอกไม่รู้จะใชดช้เงินค่าข้าวอย่างไร

ระหว่างทางที่จังหวัดศรีสะเกษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แวะพบชาวนากลางทุ่งนาขณะที่กำลังเกี่ยวข้าวที่บ้านโชคอุดม ต.ผือใหญ่ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ ก่อนเดินทางไป จ. ศรีสะเกษ และเมื่อถูกชาวนาถามถึงด้วยความห่วงใยต่อเรื่องเงินที่รัฐบาล คสช.สั่งให้ต้องชดใช้กว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ในโครงการรับจำนำข้าวว่าจะทำยังไง น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ตอบกลับด้วยน้ำตาคลอว่า “ก็ไม่รู้จะชดใช้ยังไงหมด เพราะเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก”

รายงานข่าวเปิดเผยว่ามีชาวนาเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก จากนั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวว่า “ตอนนี้ก็ต้องสู้คดี ตอนนี้ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ค่อยห่วงตัวเอง จริงๆ แล้วเป็นห่วงชาวนามากกว่า เพราะช่วงนี้ราคาข้าวตกต่ำ ตัวเองก็ทุกข์ ถามว่าทุกข์ไหมก็คงทุกข์เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรค่ะ ก็จะอดทน มาฟังแล้วดีใจมาก ที่เขาบอกว่าช่วงที่มีโครงการรับจำนำข้าวอยู่ แล้วชาวนามีความสุข เราก็ดีใจ ขอแค่ได้ยินคำนี้ว่าช่วงที่ทำโครงการรับจำนำข้าวให้ชาวนาได้ประโยชน์ มีชีวิตที่ดีขึ้น เราก็มีความสุข แค่นี้ก็ดีใจแล้ว แค่นี้ก็พอใจแล้ว”

ก่อนจะเดินทางไปเยี่ยมชมโรงสีชุมชน บ้านยางชุม ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เพื่อดูผลผลิตข้าว และตรวจสอบราคาข้าว และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเย็นวันเดียวกัน

พล.อ.ประวิตรแนะปูซื้อข้าวให้หมด-ไม่รู้การเมืองหรือไม่

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน ที่วัดชิโนรสาราม พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รับซื้อข้าวจากชาวนาในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ว่า “ผมไม่รู้ ต้องไปถามคุณยิ่งลักษณ์เอง ถ้างั้นก็รับซื้อข้าวให้หมดเลยสิ และไม่รู้ว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือเปล่า แต่เชื่อว่าไม่ได้เป็นการตัดหน้ารัฐบาล เพราะรัฐบาลทำทั้งประเทศ แต่คุณยิ่งลักษณ์ทำแค่ส่วนหนึ่งเอง”

เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่ากรณีนี้จะเป็นการแย่งมวลชน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่ เพราะรัฐบาลทำทุกส่วน แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ทำแค่ส่วนเดียว แล้วจะเอามาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร

สรรเสริญบอกหากสร้างข่าวโหนกระแสก็ไม่ถูก

ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความคิดเห็นกรณีมีการเสนอภาพข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปแวะซื้อข้าวบรรจุถุงของพี่น้องเกษตรกรที่มาตั้งจำหน่ายในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ว่า ปัจจุบันประชาชนจำนวนมากต่างร่วมไม้ร่วมมือที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทั้งช่วยรับซื้อ ช่วยออกแบบบรรจุภัณฑ์ ช่วยหาตลาด ทั้งในรูปแบบประชารัฐและการยกระดับคุณภาพสินค้าเพื่อให้ไปสู่ตลาดระดับบนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องดี

กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากเป็นเจตนาที่จะช่วยสนับสนุนรับซื้อข้าวเฉกเช่นประชาชนคนอื่นๆ โดยไม่มีเหตุผลเคลือบแฝงหรือการจัดฉากเพื่อหวังผลทางการเมืองก็ถือว่าสังคมคงยอมรับได้ แต่หากทำไปเพื่อวัตถุประสงค์โหนกระแส สร้างข่าว สร้างเรื่องราวดราม่า เพื่อหวังกลบหรือบิดเบือนความผิดในอดีตและคดีความที่เป็นอยู่ เชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงไม่สบายใจที่เห็นนักการเมืองเอาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนามาแสวงประโยชน์ทางการเมืองเช่นนี้

พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า รัฐบาลมั่นใจว่าชาวนาจะได้รับประโยชน์จากโครงการจำนำยุ้งฉางที่รัฐบาลได้ประกาศไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างเต็มที่ ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนประการหนึ่ง นโยบายของรัฐบาลเพื่อการดูแลเกษตรกรมีมาโดยลำดับ ทั้งการปรับปรุงคุณภาพผลผลิต การปรับพฤติกรรมการเพาะปลูกให้สามารถยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนตามสภาวะอากาศและความต้องการของตลาดด้วยการทำไร่นาสวนผสม รวมไปถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยการใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และการหาตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ

“ทุกมาตรการและนโยบายของรัฐบาล ดำเนินไปเพื่อการสร้างโอกาสที่จะปลดแอกชาวนาจากการเกษตรรูปแบบเดิม ที่ไม่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกและไม่อาจปลดเปลื้องหนี้สินได้ เพื่อให้อาชีพชาวนาเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีรายได้พอสมควรแก่การเลี้ยงตนเอง ยืนได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน ไม่ต้องวนเวียนในวงจรที่กล่าวกันว่า ทำมากได้น้อย จึงอยากให้เกษตรกรได้เข้าใจและร่วมมือร่วมใจกับรัฐบาลในการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญนี้ด้วยกัน อย่าปักใจหรือหลงเชื่อคำชี้นำที่ผิดๆ เพราะหากทุกอย่างกลับไปทำแบบเดิมๆ ในอดีต ก็ยากที่จะเปลี่ยนสถานะของชาวนาไทยได้และที่สำคัญที่สุด ขอยืนยันว่าทุกมาตรการที่ประกาศออกไปจะไม่เปิดช่องให้มีคนแสวงประโยชน์จากเงินภาษีของประชาชน” พล.ท.สรรเสริญกล่าว