รัสเซีย : รัสเซียคือความยิ่งใหญ่ที่หลงเหลือจากสหภาพโซเวียตเดิม แทบไม่มีใครกล้าโต้แย้งว่ารัสเซียมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและน่าภาคภูมิใจ รัสเซียเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลกเทียบเท่ากับสหรัฐฯ และมีหัวรบนิวเคลียร์ที่สะสมมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น กล่าวกันว่ารัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์พร้อมใช้งานทั้งหมด 8,500 ลูก และเป็นชาติที่มีหัวรบนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก
สหรัฐฯ : สหรัฐอเมริกาอาจไม่ใช่ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนัก แต่พวกเขาก็สามารถก่อร่างสร้างตัวและก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจของโลกหมายเลขหนึ่งได้สำเร็จ นอกเหนือจากได้ชื่อว่ามีกองทัพที่แข็งแกร่งและทันสมัยที่สุดในโลก พญาอินทรีย์ตัวนี้ยังมีหัวรบนิวเคลียร์พร้อมใช้งานถึง 7,700 ลูก ที่พร้อมใช้เพื่อยุติภัยคุกคามต่อเสรีภาพของชาวสหรัฐฯและชาวโลก
จีน : จากชาติที่ถูกขนานนามว่าเป็นขี้โรคแห่งเอเชียผู้อ่อนแอในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายจนสามารถยืนหยัดและก้าวขึ้นมาเป็นพญามังกรผู้เกรียงไกรได้สำเร็จ นอกเหนือจากกำลังทหารนับล้านนาย และกำลังรบที่น่าเกรงขาม กองทัพจีนยังมีหัวรบนิวเคลียร์จำนวน 250 ลูก เพื่อใช้เป็นอำนาจต่อรองกับชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ในบริเวณพื้นที่ข้อพิพาทบริเวณคาบสมุทรเกาหลี และคาบสมุทรไต้หวัน
อังกฤษ : อังกฤษคือชาติที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่และเป็นมหาอำนาจของโลกมาตั้งแต่ยุคโบราณ มหานครลอนดอนคือเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความทันสมัยและเรื่องราวความยิ่งใหญ่เมื่อครั้งอดีต และเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของโลก แน่นอนว่ากองทัพอังกฤษเองก็มีเขี้ยวเล็บพอตัว ด้วยจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ 225 ลูก ที่กองทัพแดนผู้ดีพร้อมใช้มันยุติสงครามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ปากีสถาน : ปากีสถานเคยเป็นส่วนหนึ่งของอินเดียที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ หลังจากแยกตัวเป็นอิสระ ปากีสถานได้พัฒนาประเทศในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านทหารจนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลกเรื่องอาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากอินเดียที่เป็นไม้เบื่อไม้เมามาตลอดหลายสิบปี ด้วยจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ 120 ลูก ที่พร้อมใช้เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากต่างชาติ
จขกท.เจ้าแม่อังกฤษเราก็เสือซุ่มเงียบน๊าจ๋าๆ