หากพูดถึงเรื่องกลิ่นและการใช้จมูก มนุษย์เราอาจเชื่อว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถทำได้ดีไปกว่าสุนัขอีกแล้ว ซึ่งนั่นก็ไม่ผิดแต่อาจไม่ถูกซะทีเดียว เพราะในโลกของสรรพสัตว์นั้นยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีจมูกดีไม่แพ้สุนัข และยังสามารถทำภารกิจเสี่ยงตายอย่างการกู้ระเบิดได้ดีกว่าซะอีก นั่นคือเจ้าหนูยักษ์แอฟริกัน
เช่นเดียวกับหลายประเทศที่เคยตกอยู่ในภาวะสงคราม และมีระเบิดจำนวนมากฝังอยู่ใต้ดิน แอฟริกาเองก็มีพื้นที่เสี่ยงหลายจุดที่เต็มไปด้วยระเบิดจำนวนมาก และเป็นการยากที่จะใช้สุนัขเข้าไปเก็บกู้ เพราะมันถูกฝังเอาไปเต็มไปหมดแถมยังอยู่ตื้นมากจากผิวดิน นั่นทำให้ Anti-Personnel Landmines Detection Product Development (APOPO) องค์กร NGO ของเบลเยียมยื่นมือเข้ามาช่วย ด้วยการเสนอทางออกใหม่โดยใช้หนูยักษ์แอฟริกันมาใช้หาระเบิดแทน
แม้จะดูเป็นไอเดียที่ยากจะเชื่อว่าสามารถเป็นไปได้ แต่ด้วยนิสัยที่ชอบรื้อและสนใจกลิ่นของสิ่งสกปรกมากเป็นพิเศษ ทำให้หนูเหล่านี้สามารถค้นหาระเบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ซึ่งพวกมันใช้เวลาค้นหาระเบิดในพื้นที่ 200 ตารางเมตรภายในเวลาแค่ 20 นาที แต่ถ้าเป็นมนุษย์ที่มาพร้อมเครื่องมืออาจต้องใช้เวลาถึง 25 ชั่วโมง
อีกสิ่งที่ทำให้มันเหนือชั้นกว่ามนุษย์และสุนัขหลายขุม นั่นคือน้ำหนักของมันที่หนักเพียง 1.5 กิโลกรัม แต่ระเบิดที่ฝังดินส่วนใหญ่จะทำงานเมื่อมีน้ำหนักกดทับประมาณ 5 กิโลกรัม จึงทำให้ตั้งแต่เริ่มภารกิจมาในปี 1997 หน่วยนี้แทบไม่เคยสูญเสียนักกู้ระเบิดมือฉมังนี้ไปเลย
ถึงจะเป็นแค่หนูที่หลายคนอาจคิดว่าไม่ต้องแคร์เรื่องสวัสดิการมากนัก แต่ชีวิตของหนูนักกูระเบิดนั้นสุขสบายกว่าที่เราคิดมาก เพราะขณะออกปฏิบัติงานกู้ระเบิด พวกมันจะได้รับการทาโลชั่นกันแดดที่ใบหูเพื่อป้องกันความร้อน แถมยังมีอาหารให้กินขณะทำงาน ที่สำคัญพวกมันไม่ได้ทำงานตลอดชีพ แต่จะปลดประจำการเมื่ออายุได้ 6 ปี และใช้เวลาอีก 2 ปีที่เหลืออยู่อย่างสุขสบายร่วมกับครูฝึกของมัน เพราะคงไม่มีใครอยากปลิดชีพหนูที่มีราคาค่าฝึกสูงถึง 6,000 ยูโรแน่