กัมพูชาอยู่ในขั้นตอนพิจารณาส่ง 3 คนไทยจาบจ้วงสถาบันกลับมาดำเนินคดีในไทย
พสกนิกรชาวไทยนำภาพระบรมฉายาลักษณ์ทูนขึ้นเหนือศีรษะ ( Photo/Lillian Suwanrumpha/AFP)
กัมพูชากำลังพิจารณาคำขอของรัฐบาลไทยส่งตัว 3 ผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูงมาดำเนินคดี เผยมีทั้งหมด 19 รายใน 6 ประเทศทั้งสหรัฐ, ฝรั่งเศส,ออสเตรเลีย,ญี่ปุ่นและนิวซีแลนด์ จาบจ้วงหนักหลังเสด็จสวรรคต
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2016 หนังสือพิมพ์พนมเปญ โพสต์ โดย Erin Handley รายงานว่าเจ้าหน้าที่กัมพูชากำลังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการตามคำขอของรัฐบาลไทยเพื่อให้ส่งตัวพลเมืองไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในข้อหาดูหมิ่นสถาบันตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ของไทย
พนมเปญ โพสต์รายงานด้วยว่าพลเมืองไทยมีทั้งหมด 19 คนที่รัฐบาลไทยได้ขอตัวไปยัง 6 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลเหล่านี้จวบจ้วงล่วงละเมิดอย่างหนักในช่วงที่พระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต
นายชุม ซวนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชายืนยันเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมว่ารัฐบาลกัมพูชาได้รับหนังสือร้องขอจากรัฐบาลไทยให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเป็นพลเมืองไทย 3 คนหลบเข้ามาอยู่ในกัมพูชาโดยหนีข้อหาหมิ่นสถาบันของไทย
“ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตามคำร้องขอ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาบอกรายละเอียด”นายซวนรียังปิดปากไม่บอกรายละเอียดว่า 3 คนนั้นเป็นใครบ้างหรือมีชื่อเสียงอะไร
เมื่อถามว่ากัมพูชาจะช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดส่งตัวหรือไม่ นายซวนรีไม่ยอมตอบคำถามตรงๆแต่กล่าวว่าสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัมพูชากับไทยลงนามกันไว้เมื่อปี 2001 หรือ 15 ปีที่แล้ว
“สองประเทศมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่แล้ว และเจ้าหน้าที่กัมพูชาก็กำลังพิจารณาคำร้องขอ (ของไทย)”นายซวนรีกล่าว
ทางด้านนายซก แซม อวน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายให้ความเห็นว่าการจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้นั้นบุคคลผู้นั้นจะต้องประกอบอาชญากรรมและเป็นผู้ต้องโทษในเรือนจำ โดยมีกฎหมายของ 2 ประเทศตรงกัน แต่การหมิ่นสถาบันกษัตริย์ในกฎหมายของกัมพูชาไม่มี
“การหมิ่นสถาบันกษัตริย์ ไม่ถือเป็นอาชญากรรมในกัมพูชา”นายซก แซม อวนกล่าว
พร้อมกับให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าเขาไม่คุ้นเคยกับกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดย เพียงแต่รู้ว่าการกล่าวหาไม่สามารถส่งผู้ร้ายได้ ยกเว้น 2 ประเทศมีกฎหมายอาชญากรรมตรงกัน
“หากไม่ใช่การประกอบอาชญากรรมในกัมพูชา เราก้ไม่อาจส่งคนเหล่า (กลับเมืองไทย)”นายซก แซม อวน กล่าว
พนมเปญ โพสต์ยังได้อ้างการเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์บางกอก โพสต์ว่าการร้องขอผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงนั้นยังได้ขอไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา,ฝรั่งเศส,ออสเตรเลีย,ญี่ปุ่นและนิว ซีแลนด์
ขณะที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรียุติธรรมให้สัมภาษณ์ว่าหลังการยื่นขอตัวบุคคลเหล่านี้ไปก็ได้รับการตอบรับในทางบวกจากเอกอัครราชทูตที่ทางรัฐบาลไทยได้ติดต่อไป แต่ยังคงมีปัญหากฎหมายระหว่างประเทศ
รัฐบาลประยุทธ์เคยขอตัวผู้รายข้ามแดนจากกัมพูชา
รายงานข่าวเปิดเผยว่าเมื่อประมาณปลายเดือนกันยายน 2014 รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ดอชา เคยทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากรัฐบาลกัมพูชาทั้งนายตั้ง อาชีวะ หรือนายเอกภพ เหลือรา และนายจักรภพ เพ็ญแข
อย่างไรก็ตามช่วงระหว่างนั้นยังเป็นเรื่องใหม่ที่รัฐบาลคสช.บริหารประเทศได้ไม่นานนักยังไม่คุ้นเคยกับรัฐบาลอาเซียน อีกทั้งนายทักษิณ ชินวัตร มีสัมพันธ์อันดีกับนายฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเพราะเป็นช่วงของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศ
ต่อมามีข่าวว่าสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) ได้ทำเรื่องลี้ภัยให้กับนายตั้ง อาชีวะ ได้ลี้ภัยไปอยู่ประเทศนิวซีแลนด์ ส่วนเรื่องนายจักรภพ เพ็ญแข เรื่องเงียบหายไป ทราบว่ายังอาศัยอยู่ที่กรุงพนมเปญและอยู่มานานแล้ว
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2016 สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเดินทางไปลงนามและถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่สถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ โดยมีนายณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ให้การต้อนรับ