กรือเซะ-ตากใบ คือไฟใต้ในกับดัก
"กรือเซะ-ตากใบ คือไฟใต้ในกับดัก"
กรณีเมื่อ วันที่ 28 เมษายน 2547 สรุปได้ประการหนึ่งว่าฝ่ายขบวนผู้ก่อการ จงใจส่งคนไปตายที่มัสยิดกรือเซะ กรณีที่เกิดถัดมาอีก 6 เดือน วันที่ 25 ตุลาคม 2547 ที่ สภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ก็น่าจะสรุปได้เช่นกันว่าฝ่ายขบวนผู้ก่อการ จงใจส่งคนไปตายที่ตากใบ นักเคลื่อนไหวมวลชนรุ่นเก่าที่มี จริยธรรมของนักเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเคยอยู่ในขบวนของ พคท., พูโล, บีอาร์เอ็น หรือ ฯลฯ เมื่อดูแผนที่ทางภูมิศาสตร์สรุปตรงกันว่า สภ.อ.ตากใบ มีสภาพพื้นที่เป็น จุดอับ, ทางตัน จึงไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะ ระดมมวลชนเข้าไปชุมนุมด้วยท่าทีแข็งกร้าวและยั่วยุ มีทางออกทางเดียวคือ แม่น้ำ ซึ่งมีฝั่งตรงข้ามเป็น เขตแดนมาเลเซีย ใครก็ตามที่กุมยุทธศาสตร์การต่อสู้ในวันนั้นต้องการให้เกิด การล้อมปราบโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย, การสูญเสียมวลชนจำนวนมาก และ การหลบหนีข้ามพรมแดน ซึ่งย่อมจะต้องเล็งผลเลิศในขั้นต่อไปว่าอาจจะเกิด ค่ายชาวไทยอพยพขึ้นในพรมแดนมาเลเซีย ประมวลความเป็นไปได้ทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วจะ ส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงในเชิงการเมืองระหว่างประเทศต่อรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาต่อเนื่องกับกรณี กรือเซะ บังเอิญที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไทย สะกัดกั้นทางหนีด้านแม่น้ำ ไว้ได้ก็เลยไม่เกิด ภาพสุดท้าย แต่ก็มาเสียหายด้วย การตายปริศนาระหว่างขนส่งผู้ต้องหา อย่างที่เราท่านทราบกันดีอยู่
แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 1 ทศวรรษ แต่เหตุการณ์ตากใบก็ยังคงเป็นบาดแผลในใจของผู้คนที่นั่น ผู้สูญเสียบางส่วนยังคงทุกข์ทรมาน ขณะที่รัฐเองก็สูญเสียทั้งงบประมาณและความเชื่อมั่น และผลของเหตุการณ์นี้ไม่มีฝ่ายใดชนะ มีแต่พ่ายแพ้
(ฝากข้อคิดดีๆ)"คนเราชอบที่จะฟังความจริง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถยอมรับความจริงนั้นได้ เพราะพวกเขาอยากเชื่อในสิ่งที่อยากเชื่อนั่นเอง!!"