เด็กรุ่นใหม่ กับมารยาทในการสมัครงาน และสัมภาษณ์งาน
มีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ ในแวดวง HR เกี่ยวกับเรื่องของการสมัครงานของเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบการศึกษาในระยะ 2-3 ปีให้หลังมานี้ เกือบทุกคนพูดเหมือนกันว่า มันดูแปลกๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิด วิธีการตอบ หรือมารยาทต่างๆ ในการสมัครงาน และสัมภาษณ์งาน ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเหมาะสมหรือไม่นั้น ก็คงต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละท่านด้วยเช่นกัน เพียงแต่ สิ่งเหล่านี้ มันไม่เคยเกิดขึ้นในยุคที่ผ่านมา แต่มาเกิดขึ้นในยุคนี้ และเกิดขึ้นบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น จนอดสงสัยไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วคนรุ่นเก่าต้องเปลี่ยนแปลงไปตามนั้น หรือ คนรุ่นใหม่ที่ต้องเข้าใจวิธีการและความเหมาะสมในการสมัครและสัมภาษณ์งานกันแน่ ลองมาดูว่ามีประเด็นอะไรบ้าง
- รูปถ่ายที่ใช้ในการสมัครงาน ปกติก็จะใช้รูปถ่าย 1-2 นิ้วหน้าตรง ไม่สวมแว่น และถ่ายแบบเป็นทางการเพื่อที่จะใช้ในการสมัครงานโดยทั่วไป แต่ระยะหลังๆ HR หลายคนก็เจอรูปถ่ายแบบแปลกๆ แหวกแนวมากขึ้น เช่น ผู้หญิงแต่งหน้าแบบจัดมาก กรีดตา ใส่ขนตายาว และบางคนใส่ big eyes ฯลฯ แถมไม่ได้ทำท่าปกติ มียิ้มมุมปาก ทำหน้าเซ็กซี่ บางคนก็เผยอปากเล็กน้อย ให้พอเป็นกระษัย นอกจากนั้นก็มีรูปถ่ายแบบผมยุ่ง ชูสองนิ้ว เอานิ้วมือขึ้นมากดไลค์ ให้หัวใจดวงเล็กๆ บางคนเอารูปที่ไปเที่ยวต่างประเทศมาใช้ก็มี ฯลฯ บางบริษัทบอกว่า พอเห็นรูปถ่ายแบบนี้ ก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก ก็คือ ดึงใบสมัครใบนั้นออกทันที เพราะมองว่า ไม่รู้จักความเหมาะสมในการสมัครงานเลย ดังนั้น ถ้าเรารับเข้ามาทำงานก็คงจะมาทำอะไรที่ไม่เหมาะสมด้วยเช่นกัน
- ภาษาที่ใช้ในการเขียนจดหมายสมัครงาน ผู้สมัครบางคน มีการจัดทำ CV มาให้พิจารณา บางคนก็มีการเขียนจดหมายเพื่อที่จะแนะนำตัวมาให้อ่านกัน ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่อให้เกิดความแตกต่าง เพื่อให้ดูโดดเด่นหรือเปล่า บางคนเขียนมาด้วยภาษาวัยรุ่นมากมาย ฟรุ้งฟริ้ง บางคนในจดหมายมีใส่เป็น Emoticon ตามมาอีก เช่น ^^ หรือ >< หรือ T T ยิ่งไปกว่านั้น ศัพท์ต่างๆ ที่ใช้ ก็ใช้ในลักษณะของภาษาพูด อาทิ “หากสงสัยไร ก็โทรถามได้ที่มือถือเบอร์….” หรือ “ผ่านงานมา 3 งานคือ งานอบรม งานรีครูท แระ งานคอมเพน” เอาแค่สองประโยคข้างต้นก็พอครับ อ่านแล้วรู้สึก หรือเห็นอะไรที่ไม่เหมาะสมสำหรับการเขียนจดหมายสมัครงานแบบทางการหรือไม่ครับ
- พูดไม่มีหางเสียง ในระยะหลังๆ ฝ่ายบุคคลบ่นให้ฟังเยอะมาก ว่าเวลาที่ผู้สมัครมาติดต่อเพื่อจะสัมภาษณ์นั้น ผู้สมัครเกินกว่า 50% ที่มานั้น พูดแบบห้วนๆ ไม่มีหางเสียง ไม่มีการลงท้ายด้วย ครับ หรือค่ะ เลย ฟังดูแล้วไม่น่ารัก และเหมือนกับเราไปรบกวนให้เขามาสัมภาษณ์ บางคนชักสีหน้าไม่พอใจด้วยซ้ำไป
- ตอบแบบไม่คิด (หรือตั้งใจก็ไม่ทราบ) ปกติเวลาที่สัมภาษณ์งานกัน ก็มักจะต้องมีคำถามทั้งที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการเพื่อที่จะสร้างบรรยากาศในการสัมภาษณ์ไม่ให้เครียดจนเกินไป คำถามส่วนใหญ่จะมีวัตถุประสงค์ในการถาม เพื่อที่จะดูว่า ผู้สมัคร คิด หรือ ตอบอย่างไร เพราะมีผลต่อการพิจารณารับ หรือไม่รับเข้าทำงาน ผู้สมัครบางคนโดนถามมากๆ เข้า ก็แสดงออกซึ่งความรำคาญ ตอบแบบขอไปทีก็มี ผู้สมัครบางคนถูกถามว่า “ปกติแล้วมีงานอดิเรกอะไรบ้าง หรือ เวลาว่างๆ ทำอะไรบ้าง” ซึ่งเราก็มักจะถามไปเพื่อที่จะดูว่า ผู้สมัครแต่ละคนมีวิธีการใช้ชีวิตอย่างไร และสอดคล้องกับแนวทางในการทำงานของบริษัทหรือไม่ แต่คำตอบที่ได้มาก็เช่น “ว่างๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร นอนอย่างเดียว” หรือ “พี่จะรู้ไปทำไมอ่ะ”
- ถามคำถามที่เน้นไปที่ประโยชน์ส่วนตน เวลาที่เปิดโอกาสให้ถามบ้าง ก็จะมีคนที่ไม่ถามอะไรเลย อันนี้ก็ไม่ค่อยจะมีประเด็นอะไรมาก กับบางคนที่ถามทันทีเรื่องของเงินเดือน ว่าจะได้เท่าไหร่ มีโบนัสกี่เดือน พอเราตอบไป ก็มีสวนกลับมาว่า “ทำไมน้อยจังเลย แค่นี้ไม่พอใช้นะเนี่ยะ” หรือบางคนก็ยังถามต่อไปอีกว่า แล้วสวัสดิการล่ะมีอะไรบ้าง ทำงานกี่วัน มีวันหยุดมั้ย ถ้าเราทำงานดึก จะได้ค่าล่วงเวลาหรือไม่ ฯลฯ จับทางได้ว่า คำถามที่ถามมานั้น เหมือนกับว่าต้องการความสะดวกสบายอย่างมาก โดยที่ไม่คิดว่าตนเองจะให้อะไรกับการทำงานที่บริษัทบ้าง แต่อันนี้ก็ไม่แน่ใจมีหลายคนก็บอกว่าเป็นสิทธิที่เขาจะถามได้ แต่ก็อีก ถามวนเวียนอยู่แต่ในเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพอตอบไปแล้วบางคนแสดงสีหน้าดูถูกอย่างเห็นได้ชัดเจนก็มี บางคนก็ถามต่อเลยว่า “แล้วจะให้มาเริ่มงานได้เมื่อไหร่” ทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้คำตอบเลยด้วยซ้ำไปว่าจะรับหรือไม่รับ
จากสิ่งที่ HR ทั้งหลายได้พบมา ก็มีข้อสงสัยอยู่ว่า จริงๆ แล้วยุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงไปจน HR จะต้องปรับ และตามให้ทัน รวมทั้งต้องทำใจให้ได้ หรือจริงๆ แล้ว เราต้องให้การศึกษาแก่คนรุ่นใหม่ที่เหมาะสมกว่านี้ ให้เขาได้เรียนรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสม รู้จักที่จะวางตัว และพูดคุยได้ถูกกาลเทศะ กันแน่
ท่านผู้อ่านล่ะครับ คิดอย่างไรครับ
https://prakal.wordpress.com/2016/10/25/เด็กรุ่นใหม่-กับมารยาทใ/