กษัตริย์จิกมีแห่งภูฎานเสด็จฯไทย 15 ตุลาคมร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล 16 ตุลาคม
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏานทรงจุดเทียนถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 (ภาพจากเฟซบุ๊กของพระองค์)
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559 รายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า รัฐบาลและคสช. มีคำสั่งให้ทุกฝ่ายประสานภารกิจในโอกาสที่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จเยือนประเทศไทยเวลา 19.00 น.วันที่ 15 ตุลาคมและจะทรงเข้าร่วมพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทวันที่ 16 ตุลาคม โดยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องประสานการปฏิบัติงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนพระองค์ ระบุว่า ทรงรับทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ด้วยความเสียพระราชหฤทัยอย่างสุดซึ้ง สมเด็จพระราชาธิบดี,สมเด็จพระราชบิดาและพระบรมวงศานุวงศ์ พร้อมคณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลภูฎานรวมถึงชุมชนคนไทยในภูฏาน ได้ร่วมกันจุดดวงประทีป 1,000 ดวง พร้อมสวดมนต์เพื่อรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ณ วิหารเกนราแห่ง ทาชิโชซอง กรุงทิมพู เมืองหลวงของภูฏาน
สมเด็จพระราชาธิบดีมีรับสั่งให้จัดพิธีสวดรำลึกเป็นกรณีพิเศษดังกล่าวและให้จุดดวงประทีปทั่วทุกวิหารศักดิ์สิทธิ์ทั่วราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ และประกาศให้วันที่ 14 ตุลาคม เป็นวันแห่งการไว้อาลัยของชาวภูฏานทั้งประเทศ กำหนดให้ลดธงครึ่งเสา เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระเกียรติคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ โดยให้เป็นวันหยุดราชการและโรงเรียนทั่วประเทศปิดการเรียนสอน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมกันสวดมนต์เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีเสด็จเป็นองค์ประธานประกอบพิธีสวดที่สถูปอนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน โดยสมเด็จพระราชชนนีจะเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีสวดบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วิหารเกนราแห่งทาชิโชซอง
ตลอดสัปดาห์ถัดไปจะมีการจุดดวงประทีป และสวดบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย ณ วิหารทิมพูทาชิโชซอง,สถูปอนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน,วิหารสำคัญๆทั่วประเทศประกอบด้วย ชานกังคาลาคัง , ศาลาไทย,สวนสาธารณะ 100 ปี,พูนาคาซอง,ตรองซาซอง,ตราชิกังซอง,พาโรทักซาง,พาโรกีชู ลากัง ,ทาลี ดราซาง,ซัมเซชีพมันดีร์และพูเอ็นโชลิง ซางโตเปลรี
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้นำที่เป็นเอกและทรงดำรงอยู่ในชีวิตของปวงชนชาวไทยทุกคน ทรงอุทิศพระองค์เพื่อสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกรแห่งพระองค์ ซึ่งควรค่าแก่การรำลึกเพื่อเชิดชูและเคารพ ราชวงศ์แห่งภูฏานและไทยมีปฏิสัมพันธ์อันอบอุ่นร่วมกันมานานหลายปี เห็นได้จากมิตรภาพที่แนบแน่นระหว่างประเทศทั้งสอง การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนี้ นำมาซึ่งความโศกเศร้าอย่างใหญ่หลวงของปวงชนชาวภูฏาน สมเด็จพระราชาธิบดีและปวงชนแห่งภูฏานทั้งปวง ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังประชาชนไทยผู้กำลังโศกเศร้าทั้งหลายด้วย” ในเฟซบุ๊กของพระองค์ระบุ
ทัพบกเพิ่มระดับรักษาความปลอดภัยสูงสุด
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559 พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยว่าได้ออกคำสั่งให้กองกำลังรักษาความสงบเรีบบร้อย (กกล.รส) ทุกกองทัพภาคทั่วประเทศ เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่น อบอุ่นใจให้ประชาชนว่ากองทัพและ คสช.ได้ดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงเวลาสำคัญของคนไทยทั้งประเทศ โดยจะคงมาตรการรักษาความปลอดภัยนี้แค่ช่วงเวลาระยะหนึ่งจนกว่าจะเห็นว่าสถานการณ์จะบรรเทาความโศกเศร้าลง
พล.อ.เฉลิมชัยเปิดเผยว่าในส่วนของกองทัพภาคอื่นๆและหน่วยทหารทั่วประเทศให้จัดพิธีลงนามถวายอาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และพิธีสวดมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ขณะเดียวกันคสช.และกระทรวงมหาดไทยจะติดตามสถานการณ์ในต่างจังหวัดและรายงานกลับมาให้ศูนย์บัญชาการฯรับทราบตามความเหมาะสม และหากประชาชนต้องการรับทราบข้อมูลสามารถสอบถามผ่านศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1567