"NEW RATCHAPRASONG" ราชประสงค์หลังจัดระเบียบ

10 ตุลาคม 2559 (21:55) โพสท์โดย ลูกสาวผู้ว่า

"ราชประสงค์" อีกหนึ่งย่านช๊อปปิ้งชื่อดังใจกลางกรุง ที่มีปัญหาหายเร่แผงลอยบุกรุกพื้นที่ทางเท้า จนประชาชนได้รับความเดือดร้านจากการสัญจรที่ไม่สะดวกสบายตามสิทธิขั้นพื้นฐานของคนทุกคน ซึ่งหลังจาดถูกจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยบนทางเท้าแล้ว ย่านแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร วันนี้ผมได้นำภาพที่ลงพื้นที่ถ่ายด้วยตัวเองมาให้ดู และลองนึกย้อนไปในวันที่ย่านนี้เต็มไปด้วยแผงลอยดูว่า คุณชอบแบบไหนมากกว่ากัน

"NEW RATCHAPARSONG"

สี่แยกใหญ่ที่แสนจอแจและวุ่นวายใจกลางมหานครกรุงเทพ ที่เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าสุดหรู โรงแรมระดับ 4-5 ดาว และอาคารสำนักงานใหญ่โต ที่ถูกเชื่อมต่อกับระบบคมนาคมขนส่งต่างๆ เช่นรถไฟฟ้า BTS เรือด่วนคลองแสนแสบ รถเมล์ รถตู้ และขนส่งสาธารณะอื่นๆ ก่อนหน้านี้ราชประสงค์ถูกร้องเรียนจากประชาชนถึงการสัญจรบนทางเท้าที่ไม่สะดวกสะบาย เพราะมันเต็มไปด้วยแผงค้าหาบเร่แผงลอยที่ตั้งขายแทบตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะหน้าห้างสรรพสินค้า Central World ที่มีแผงค้าเต็มทางเท้าหน้าห้าง ยาวไปถึงแยกประตูน้ำ ซึ่งย่านท่องเที่ยวที่เคลมตัวเองว่าเป็นระดับโลก กลับเต็มไปด้วยความไร้ระเบียบ ซึ่งดูแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่ย่านระดับโลกในประเทศอื่นๆ ที่พัฒนาแล้วทำกัน

"ทางเท้าเพื่อคนเดิน"

หากใครคุ้นเคยกับย่านนี้คงทราบว่า จุดที่เป็นระเบียบที่สุด ก็คือบริเวรทางเท้าของห้างเกษร พลาซ่า ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ที่จุดนี้จะมีทางเท้าเรียบ ปลูกต้นไม้สวยงาม และไม่มีแผงลอย แต่หากเดินเลยห้างนี้ไปเพียงนิดเดียว ก็จะพบกับนรกบนดิน ของคนเดินเท้า เพราะมันจะเต็มไปด้วยแผงค้าแน่นฟุตบาทยาวไปถึงประตูน้ำ แถมทางเท้ายังผุพังแทบเดินไม่ได้ จนทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเพียงแค่พ้นหนึ่งช่วงตึกมาสภาพของทางเท้าถึงต่างกันราวฟ้ากับเหว ขณะที่ฝั่งตรงข้ามของห้าเกษรอย่างหน้าห้าง Central World ก็มีแผงค้าเต้นสีเขียวที่ทาง กทม.จัดไว้ให้วางเรียงรายยาวเต็มหน้าห้างเช่นกัน ซึ่งอยากถามว่าด้วยความสงสัยจริงๆ ว่า ทำไมเกษรถึงจัดการทางเท้ารอบพื้นที่ตัวเองได้เรียบร้อย แต่ห้างอื่นๆ กลับทำไม่ได้?

"ทางเท้าก็คือทางเท้า"

ทางเท้าไม่ใช่ที่ตั้งแผงค้า ไม่ใช่ที่จอดรถมอไซค์ ตอนนี้เราได้ทางเท้าที่เหมาะสมกับการเดินกลับมาแล้ว แต่การรักษาไว้ให้เรามีทางเท้าที่สามารถเดินได้อย่างสะดวกสบายแบบนี้ คงเป็นเรื่องที่จะต้องช่วยกัน เพราะลำพังเจ้าหน้าที่รัฐเช่น เทศกิจ หรือ ตำรวจ คงจัดการทั้งหมดไม่ไหว การมีจิตสำนึกต่อสาธารณะของคนไทยต่างหากที่จะช่วยให้ทางเท้าโล่งๆ เดินสบายแบบนี้อยู่คู่กับเราตลอดไป เพียงแค่ท่านไม่อุดหนุนสินค้าจากแผงลอยที่ตั้งเอาเปรียบคนเดินเท้า เพราะในเมื่อไม่มีคนซื้อฉันใด ก็ไม่มีคนขายฉันนั้น

"กรุงเทพฯ เมืองเดินได้"

ในต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว การเดินบนทางเท้าไกลๆ ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะทางเท้าของประเทศพัฒนาแล้วมีความกว้าง เรียบ และไม่มีอะไรกีดขวาง หลายคนคงมีคำถามแน่นอนว่า บ้านเราเป็นเมืองร้อน ใครที่ไหนจะมาเดินข้างนอกให้เหงื่อแตก บ้านเราไม่ใช่เมืองหนาวแบบเกาหลี ญี่ปุ่น หรือยุโรป เสียหน่อย? หากถามผมแบบนี้ ผมก็จะบอกว่าให้ไปดูตัวอย่างประเทศเมืองร้อนที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ ซึ่งก็คือ สิงคโปร์ ประเทศเล็กๆ ที่พัฒนาแล้วก็มีอากาศที่ร้อนไม่แพ้เรา แถมฝนนึกจะตกก็ตก อากาศแปรปรวนคาดเดายากหนักว่าเราเยอะ แถมไม่มีหน้าหนาวให้ได้ฟินอีกด้วย แต่ทำไมคนสิงคโปร์ถึงมีวัฒนธรรมของการเดินบนทางเท้าได้ล่ะ สิ่งที่สิงคโปร์ทำก็คือ ในเมื่อสิงคโปร์รู้ว่าตัวเองเป็นเมืองร้อนตับแตก วิธีลดความร้อนบนทางเท้าของสิงคโปร์ก็คือ การปลูกต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา ช่วยลดความร้อนระอุ ซึ่งมันได้ผลเป็นอย่างดีเสียด้วย ซึ่งบ้านเราเองก็น่าเอาอย่างบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ตัดต้นไม้จนเ...้ยน แถมการมีร่มเงาต้นไม้ยังช่วยกระตุ้นให้คนอยากออกมาเดินอีกด้วย เหมือนถนนวิทยุที่มีต้นไม้ใหญ่โต เวลาเดินกลางวันจึงร้อนน้อยกว่าย่านอื่นๆ ที่แห้งแล้งมีแต่ตึกนั่นเอง

"เดิน เดิน เดิน แล้วก็ เดิน เดิน เดิน"

คุณลองดูภาพนี้สิ ทางเท้าหน้าห้างใหญ่ในวันที่ไร้แผงลอยมาบดบังมันน่าเดินขนาดไหน ทางเท้ากว้างๆ สวยๆ แบบนี้ ทำไมถึงเคยปล่อยให้มีสิ่งกีดขวางมาตั้งจนไม่น่าเดิน หรือเดินแทบไม่ได้ และทำให้คนเดินเท้าต้องระเห็ดระเหไปเดินบนถนนให้เสี่ยงโดนรถเฉี่ยวชน ทั้งๆ ที่เราควรมีสิทธิเดินบนทางเท้าที่พวกเราต่างเสียภาษีให้หน่วยงานที่รับผิดชอบสร้างขึ้นมา แต่ว่าวันนี้พวกเราได้มันกลับคืนมาเป็นของคนเดินเท้าทุกคนแล้ว ผมอยากถามว่าคุณอยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป หรือสุดท้ายให้มันกลับมาอย่างเดิม? ลองถามใจทุกคนดู

"อดีตที่ไม่อยากให้ย้อนกลับมา"

ก่อนหน้านี้ทางเท้าบริเวณตึกแถวที่คุณเห็น จะเต็มไปด้วยแผงค้าแน่นทุกอนูของพื้นผิว จนแทบมองจากถนนไม่เห็นคนที่เดินด้านใน ซ้ำร้ายคนที่ต้องรีบไปธุระก็ไม่สามารถทำความเร็วในการเดินได้อย่างเต็มที่ เพราะไหนจะติดคนเดิน ติดแผงลอย ติดคนยืนดูยืนซื้อของ บางคนต้องขึ้นไปเดินบนถนนไม่มีความปลอดภัยเลย หากโดนรถชนตายขึ้นมาก็แทบไม่ต่างอะไรกับหมาตัวนึง แต่วันนี้ ผมสามารถมองเห็นคนเดินไปบนทางเท้าตรงนั้นมาจาก Sky Walk ฝั่งตรงข้าม คุณว่ามันดีไหมล่ะ

"เผยความสวยงามที่เคยถูกบดบัง"

ทางเท้าหน้าธนาคารกรุงเทพตรงนี้ก็เคยมีสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับทางเท้าที่อื่นๆ ในย่านราชประสงค์ ที่เต็มไปด้วยแผงลอยแน่นขนัด แต่ตอนนี้แผงลอยต่างๆ มันได้หายไปแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่เทศกิจนั่งคุมเชิงคอยห้ามปรามผู้ที่คิดจะฝ่าฝืน ผมขอชื่นชมเจ้าหน้าที่เทศกิจที่ยอมปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองเพื่อประชาชน และขอบพระคุณที่คืนทางเท้าให้พวกเรา ซึ่งก็อยากให้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเพื่อประชาชนส่วนรวม ให้สมกับการเป็นข้าราชการที่ดี ส่วนใครที่ยังนอกแถว แตกแถว ประพฤติมิชอบในหน้าที่ก็ควรระวังตัวไว้ เพราะคุณทำให้ภาพของเทศกิจโดยรวมเสื่อมเสีย และประชาชนที่เขาเดือดร้อนก็จะสาปแช่งพวกคุณ ขอให้รู้ไว้ว่า ในยุคนี้การสื่อสารผ่านโซเชียลมันรวดเร็ว และกว้างไกล ผมเตือนท่านได้เท่านี้ ท่านลองไปคิดต่อดูเอง

"กล้าตั้งก็กล้าปรับ?"

ป้ายประกาศที่ติดเตือนผู้ที่คิดจะฝ่าฝืนตั้งแผงค้า ถูกนำมาติดไว้เพื่อขู่ไม่ให้ผู้ค้าริอาจกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งสำหรับผมแล้ว ป้าย ก็คือป้าย ป้ายก็เป็นแค่วัสดุอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีตัวอกษรเขียนเอาไว้ ไม่สามารถจับกุม หรือปรับเงินใครได้หากไม่มีมนุษย์ที่คอยปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณนั้น เราเห็นป้ายขู่ตามสถานที่ต่างๆ มากมาย เพื่อป้องปรามไม่ให้มีใครทำผิดกฎผิดระเบียบ แต่ด้วยนิสัยคนไทยที่ไม่ชอบทำตามกฎระเบียบมันก็ไม่มีความหมาย เราจึงเห็นป้ายเตือนป้ายขู่ต่างๆ มากมาย แต่ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนกระทำผิดเย้ยป้ายนั้นแบบไม่แคร์โลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ปล่อยปละละเลยจนคนทำผิดไม่กลัวที่จะทำ หรือบางครั้งเจ้าที่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่คนทำผิดเหล่านั้นมอบให้ ฉะนั้นมันถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องจัดการอย่างจริงจัง ทั้งคนทำผิดและเจ้าที่รัฐที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพราะไม่เช่นนั้น ป้าขู่พวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับกระดาษเช็ดขี้ที่อยู่ในถังขยะ

"สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด"

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นจะไม่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนเลย หากทุกคนไม่ช่วยกันปกป้องสิทธิของตัวเอง เพราะตราบใดที่ต่างฝ่ายต่างนึกถึงแต่ตัวเอง ไม่คิดถึงสังคมส่วนรวม ทุกอย่างก็จะกลับสู่วงจรอุบาทเหมือนเดิม การจัดระเบียบทางเท้าก็ไม่มีทางที่จะสามารถทำได้อย่างถาวร ผู้คนนับแสนคนก็ได้รับความเดือดร้อนในการใช้ทางเท้าที่ไม่สะดวกสบาย จากความเห็นแก่ตัวของคนขาย คนซื้อ และเจ้าหน้าที่เพียงหยิบมือ

ฉะนั้นเรามาร่วมมือกันเถอะ เพื่อเปลี่ยนแปลงเมืองหลวงขอเราให้มีภูมิทัศน์ที่ดีขึ้น ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศที่มีความเจริญ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อคุณภาพชีวิตของคนเดินเท้าทุกคน...จบ

ภาพ/ข้อมูลจาก : กลุ่มคนไทย ไม่เอาหาบเร่ แผงลอย

ขอบคุณที่มา: https://www.facebook.com/saynostall/

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม