ชำแหละพุทธพาณิชย์ เปิดรายได้กฐินปีละล้านเศษ กู้ยืมดอกร้อยละ10บ.

ชำแหละพุทธพาณิชย์ เปิดรายได้กฐินวัดราษฎร์ ปีละล้านเศษ-ค่าให้ยืมของ2หมื่น/ด.

"...กิจกรรมทำบุญของวัดราษฎร์นั้น มีลักษณะเดียวกับวัดอารามหลวงที่สำรวจไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่จะมีลักษณะย่อมเยากว่า หรือบางวัดแทบไม่มีเลย จะจัดกิจกรรมศาสนาในช่วงงานเทศกาลเท่านั้น.."

วัดราษฎร์ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่1) วัดจันทร์สโมสร วัดแก้วฟ้าจุฬามณี และวัดแคนอก

พบว่า กิจกรรมทางศาสนาของวัดแต่ละแห่งจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป แต่กิจกรรมทำบุญของวัดราษฎร์นั้น มีลักษณะเดียวกับวัดอารามหลวงที่สำรวจไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่จะมีลักษณะย่อมเยากว่า หรือบางวัดแทบไม่มีเลย จะจัดกิจกรรมศาสนาในช่วงงานเทศกาลเท่านั้น

ทั้งนี้ ในส่วนของวัดมังกรกมลาวาส จะเป็นจัดกิจกรรมทางศาสนาเน้นไปที่การแก้ปีชง เสริมดวงชะตา กับเทพเจ้าของจีน ซึ่งได้รับความนิยมมากในหมู่คนไทยเชื้อสายจีน หรือคนไทยแท้ที่สนใจ 

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่วัดพบว่า วัดแห่งนี้จะมีคนที่สนใจเข้ามากราบไหว้ทุกวัน แต่จะหนาแน่นในช่วงเทศกาลของจีน และช่วงที่คนมาแก้ปีชง นอกจากนี้ทางวัดยังมีที่จอดรถบริการ คิดค่าบริการเป็นรายชั่วโมง ชั่วโมงละ 20บาท

นอกจากนี้ วัดยังมีรายได้จากการทำบุญ บริจาคปัจจัยของประชาชน ซึ่งจะบริจาคแตกต่างกันไปตามกำลังศรัทธา โดยมีบริจาคตั้งแต่ 100-1000 บาท บางรายก็บริจาคมากกว่านั้นก็มี

ส่วน วัดจันทร์สโมสร วัดแก้วฟ้าจุฬามณีเป็นวัดราษฎร์ไทยพุทธ ที่มีกิจกรรมทางศาสนาที่คล้ายคลึงกัน คือ การทำบุญ ถวายสังฆทาน สะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ทำบุญโลงศพ ทำบุญตาม พระประจำวันเกิด ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า งานอุปสมบท และ งานฌาปนกิจ ซึ่งตรงนี้แต่ละวัดก็จะมีรายรับที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับจำนวนประชาชนที่เข้ามาทำบุญในแต่ละวัน หรือช่วงงานเทศกาลประจำปี

ขณะที่ วัดแคนอก กิจกรรมทางศาสนาส่วนใหญ่จะเป็นการทำบุญในวันพระ การถวายปัจจัยผ่านตู้บริจาค งานทอดผ้า ทอดกฐิน งานอุปสมบท งานฌาปนกิจ ส่วนการถวายสังฆทานทางวัดไม่มีการเตรียมไว้ให้ และการสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาจะจัดขึ้นบ้าง เวลาวัดมีงานประจำปี เช่น วันออกพรรษา งานทอดกฐินประจำปี

จากการสอบถาม นายทวีชัย ทองโฉม ไวยาวัจกรประจำวัดแคนอก จังหวัดนนทบุรี เกี่ยวกับรายได้ของวัด พบว่า วัดแคนอกมีรายได้หลัก คือ ค่าเช่าที่ โดยวัดนี้มีเนื้อที่ประมาณ 90 ไร่ มีครอบครัวประชาชนอาศัยประมาณ 600 ครอบครัว ให้เช่าเป็นเนื้อที่ตารางวาละ 2 บาท และจะเก็บค่าเช่าส่วนใหญ่เป็นรายปี

นอกจากค่าเช่าก็จะเป็นค่าบำรุงจัดงานศพ ซึ่งกำหนดไม่ได้แน่นอน แต่คาดการณ์จากปีที่ผ่านมาประมาณ 120 ศพต่อปี ค่าบำรุงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 720,000 บาท และค่าบำรุงจากการยืมของจะเข้าวัดประมาณเดือนละ 20,000 บาท

สำหรับงานทอดกฐิน ทอดผ้าป่าทำบุญ 9 วัด ปีที่ผ่านมา วัดมีรายรับประมาณ 1.6 ล้านบาท ถ้าหากรวมรายได้ทุกอย่างในหนึ่งปี วัดมียอดรายรับได้หลายล้านบาทอยู่เหมือนกัน

ด้านรายจ่ายที่ทุกวันต้องจ่ายเลยคือค่าน้ำ-ค่าไฟ ซึ่งแต่ละแห่งก็จะแตกต่างกันไป โดยมีตั้งแต่ 60,000 – 100,000 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายสำหรับก่อสร้าง ซ่อมแซมศาสนสถาน และค่าจ้างแรงงาน ทั้งนี้ ยังรวมไปถึงการสร้างเขื่อนกันน้ำ ในช่วงฤดูฝน ที่ทางวัดจะต้องดูแลกันเอง 

ในส่วนการทำบัญชี วัดจะเก็บเข้าธนาคารหมดเป็นบัญชีชื่อวัด มีคนดูแลเป็นไวยาวัจกร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เลขาฯ แล้วก็เจ้าอาวาส ประมาณ 6 คน ถ้าหากจะถอนก็ต้องใช้ลายเซ็น 3 คนขึ้นไป คือไวยาวัจกร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แล้วก็เจ้าอาวาส

ทั้งนี้ ข้อมูลในส่วนนี้พระลูกวัดจะไม่รู้เกี่ยวกับการดูแลเงิน คนทั่วไปก็ไม่รู้เพราะมันเป็นเรื่องของพระสงฆ์

“บัญชีมันโปร่งใส คือ เงินทั้งหมดจะเข้าธนาคารไปเลย ธนาคารจะมารับเงินไป แต่ถ้าเงินน้อยเลขาเจ้าอาวาสก็จะเอาเงินไปฝาก พอฝากเสร็จจะเอาสมุดเงินฝากมาให้ดูทุกคนว่าเงินในบัญชีมีเท่านี้ ถ้าจะถอนก็ต้องเซ็นกันครบ 3 คน ถึงจะถอนได้” นายทวีชัยกล่าว

แม้ทางวัดจะยืนยันว่าการทำบัญชีนั้นโปร่งใส แต่จากการสอบถามประชาชนที่มาทำบุญก็ยังมีเสียงสะท้อนอีกมุมกลับมาว่าถ้าหากวัดเปิดเผยข้อมูลตรงนี้ได้ก็ดี เพราะประชาชนจะได้รับรู้ว่าเงินที่บริจาคไปถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์จริงแล้ว ยังช่วยสร้างความโปร่งใสให้วัดอีกด้วย