มีความเป็นไปได้! ผู้ชายคนแรกของโลก ที่รักษาเอดส์หายขาด โดยกลุ่มนักวิจัยแห่งอังกฤษ

ชายชาวอังกฤษอาจกลายเป็นคนแรกของโลกที่รักษาเชื้อเอชไอวีให้หายขาด โดยใช้วิธีการรักษาแบบใหม่โดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย 5 แห่งในสหราชอาณาจักร 

ชายวัย 44 ปี คือหนึ่งในห้าสิบคนในการทดลองการรักษาในปัจจุบัน ซึ่งมีเป้าหมายในการรักษาเชื้อที่หลบซ่อนอยู่

นักวิทย์เหล่านั้นกล่าวในหนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทม์ว่า เชื้อไวรัสไม่สามารถถูกตรวจพบในเลือดของชายคนนั้นอย่างสมบูรณ์ และถ้าหากยังเป็นไปในทางนั้น มันจะเป็นการรักษาที่หายขาดรายแรก

"นี่คือหนึ่งในความพยายามอย่างมากครั้งแรกในการรักษาเชื้อเอชไอวีอย่างสมบูรณ์ มาร์ค แซมมวลส์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติสำหรับโครงสร้างพื้นฐานการวิจัยด้านการรักษา"

"เรากำลังค้นหาความเป็นไปได้อย่างแท้จริงในการรักษาเชื้อเอชไอวี นี่คือความท้าทายที่ใหญ่หลวงและมันยังคงเป็นวันแรกแต่เป็นความก้าวหน้าที่โดดเด่น"

การทดลองกำลังอยู่ในความรับผิดชอบของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด เคมบริด อิมเพอเรียลคอลเลจลอนดอน มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน และคิงคอลเลจลอนดอน

เชื้อเอชไอวียากในการรักษาเพราะเชื้อเหล่านี้พุ่งเป้าไปที่ระบบภูมิคุ้มกัน การประกบตัวมันเองเข้ากับ DNA ของทีเซล (ทีเซล คือ แหล่งผลิตภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือเม็ดเลือดขาว) เพราะฉะนั้นมันจึงกลายเป็นโรงงานไวรัสซึ่งผลิตไวรัสเพิ่มขึ้น

การรักษาในปัจจุบันเรียกว่า การรักษาด้วยยาต้านไวรัส anti-retroviral therapies (Art) ซึ่งไม่สามารถรักษาทีเซลที่ติดเชื้อได้ 

การรักษาแบบใหม่นี้ ทำงานในสองระดับ อย่างแรกโดยการฉีดวัคซีนเพื่อให้ร่างกายจดจำเซลล์ที่ติดเชื้อเอชไอวี และสามารถที่จะกำจัดมันออกไป อย่างที่สอง ยาใหม่ที่เรียกว่า Vorinostat ซึ่งกระตุ้นการทำงานของทีเซล และระบบภูมิคุ้มกัน

มากกว่า 1 แสนคนในสหราชอาณาจักรกำลังติดเชื้อเอชไอวี และราวๆ 17% ไม่รู้ว่าตนเองมีเชื้ออยู่ และ 37 ล้านคน ที่กำลังติดเชื้อทั่วโลก

คนไข้นิรนามคนแรก ซึ่งเป็นคนงานช่วยเหลือสังคมในลอนดอน กล่าวว่า มันจะยอดเยี่ยมมากหากการรักษาเกิดขึ้น การตรวจเลือดครั้งล่าสุดของผมคือเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว และไม่สามารถตรวจพบเชื้อไวรัสได้

"ฉันเป็นส่วนหนึ่งในการทดลองเพื่อช่วยผู้อื่นและตัวฉันเอง มันจะเป็นความสำเร็จอย่างมาก ถ้าหลังจากช่วงเวลานี้ บางอย่างถูกค้นพบในการรักษาโรคนี้ของผู้คน ความจริงที่ว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งช่างยอดเยี่ยม"

ศาสตราจารย์ซาร่า ฟิดเลอร์ แพทย์ผู้ให้คำปรึกษาที่อิมเพอเรียลคอลเลจลอนดอน กล่าวเพิ่มเติม การรักษานี้ถูกออกแบบโดยเฉพาะในการรักษาร่างกายจากเชื้อเอชไอวีทั้งหมด รวมถึงเชื้อที่หลบซ่อนอยู่

"เราทำงานในห้องทดลองและมีหลักฐานที่ดีว่ามันจะส่งผลดีต่อมนุษย์ด้วย แต่เราต้องให้ความสำคัญเรายังคงอยู่ในทางจากการรักษาที่แท้จริง

"เราจะมีการทดสอบยาอย่างต่อเนื่องใน 5 ปีข้างหน้า และในปัจจุบันเราไม่แนะนำในการหยุดยาต้านไวรัส แต่ในอนาคตขึ้นอยู่กับผลการทดลองซึ่งเราอาจค้นพบมัน"

British man could become the first person in the world to becured of HIV using a new therapy designed by a team of scientists from five UK universities.

The 44-year-old is one of 50 people currently trialling a treatment which targets the disease even in its dormant state.

Scientists told The Sunday Times that presently the virus is completely undetectable in the man’s blood and if it remains that way it will be the first complete cure.

"This is one of the first serious attempts at a full cure for HIV,” said Mark Samuels, managing director of the National Institute for Health Research Office for Clinical Research Infrastructure.

“We are exploring the real possibility of curing HIV. This is a huge challenge and it's still early days but the progress has been remarkable."

The trial is being undertaken by researchers from the universities of Oxford, Cambridge, Imperial College London, University College London and King's College London.

HIV is so difficult to treat because it targets the immune system, splicing itself into the DNA of T-cells so that they not only ignore the disease, but turn into viral factories which reproduce the virus.

Current treatments, called anti-retroviral therapies (Art), target that process but they cannot spot dormant infected T-cells.  

The new therapy works in two stages. Firstly, a vaccine helps the body recognise the HIV-infected cells so it can clear them out. Secondly, a new drug called Vorinostat activates the dormant T-cells so they can be spotted by the immune system.

More than 100,000 people in Britain are living with HIV, around 17 per cent of whom do not know they have the disease, and 37 million are infected worldwide.

The first unidentified patient, a social care worker in London, said: "It would be great if a cure has happened. My last blood test was a couple of weeks ago and there is no detectable virus.

"I took part in the trial to help others as well as myself. It would be a massive achievement if, after all these years, something is found to cure people of this disease. The fact that I was a part of that would be incredible."

Professor Sarah Fidler, a consultant physician at Imperial College London, added: "This therapy is specifically designed to clear the body of all HIV viruses, including dormant ones.

"It has worked in the laboratory and there is good evidence it will work in humans too, but we must stress we are still a long way from any actual therapy.

"We will continue with medical tests for the next five years and at the moment we are not recommending stopping Art but in the future depending on the test results we may explore this."