มติสงฆ์ห้าม!'พระขับ-ขี่รถ'(ความผิดเล็กน้อยปลงอาบัติได้ รู้ว่าผิดแต่ก็ทำ)
คณะสงฆ์หนเหนือเตรียมร่างประกาศห้าม'พระ-เณร'ซิ่งรถยนต์-มอเตอร์ไซค์ หากฝ่าฝืนงดพิจารณาเลื่อนสมณศักดิ์ 3 ปี พร้อมขอให้เลิกเป็นนักโบกรถ
เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เป็นประธานการประชุมพระสังฆาธิการหนเหนือ ครั้งที่ 1/2557 โดยมีเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด และเลขานุการเข้าร่วมประชุมจำนวน 83 รูป
พระพรหมโมลี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เลขานุการแม่กองบาลีสนามหลวง และเจ้าคณะภาค 5 กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ใน 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การพิจารณาออกร่างประกาศคณะสงฆ์หนเหนือห้ามพระภิกษุ-สามเณรขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ เนื่องจากปัจจุบันพระภิกษุบางรูปขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์สัญจรไปมาบนถนนทางหลวง หรือในที่ชุมชน ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม สร้างความไม่สบายใจแก่พุทธศาสนิกชน ขัดต่อความเป็นสมณสารูปของพระสงฆ์โดยทั่วไป โดยที่ประชุมได้พิจารณาความไม่เหมาะสมดังกล่าว จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ทำหน้าที่ยกร่างประกาศคณะสงฆ์หนเหนือ พ.ศ.และระเบียบคณะสงฆ์หนเหนือว่าด้วยการห้ามพระภิกษุ-สามเณรขับรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ พ.ศ..... โดยให้ที่ประชุมพิจารณายกร่างประกาศ และระเบียบต่างๆ ซึ่งจะมีบทลงโทษเช่นเดียวกับ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ตั้งแต่การตักเตือนระดับตำบล อำเภอตามกระบวนการ โดยหลังจากการประชุมที่ประชุมอาจจะมีมติเพิ่มเติมแก้ไขร่างระเบียบต่างๆ ก่อนออกเป็นประกาศต่อไป
“ที่ประชุมจะมีการกำหนดระเบียบการปฏิบัติของคณะสงฆ์หนเหนือ รวมถึงบทโทษสูงสุดหากไม่ปฏิบัติตาม เช่น ขาดจากความเป็นพระ ห้ามทำเรื่องเสนอเลื่อนสมณศักดิ์เป็นเวลา 3 ปี ความดีความชอบต่างๆ ในสายการปกครองต่างๆ หรือหากกระทำซ้ำซาก เจ้าอาวาสวัดก็อาจจะขับออกจากวัด อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่รอการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ที่ประชุมได้แจ้งให้เจ้าคณะหนเหนือทุกจังหวัดสอดส่องดูแล รวมทั้งตักเตือน พระสงฆ์ในปกครองไปก่อน” พระพรหมโมลี กล่าว
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ 2.ขอความร่วมมือมิให้พระภิกษุโบรถขอโดยสารรถยนต์ของประชาชนผู้สัญจรไปมาผ่านบนทางหลวงโดยพระภิกษุผู้เดินทางไปในที่ต่างๆ เนื่องจาก เห็นว่า จะเป็นการสร้างความรำคาญใจแก่เจ้าของรถ ซึ่งบ่อยครั้งเมื่อประชาชนเห็นว่า พระภิกษุโบกรถส่วนใหญ่ก็จะสงสารแล้วให้โดยสารไปด้วย ขณะที่ พระบางรูปจะใช้โอกาสนี้ให้ประชาชนไปส่งตามที่ต่างๆ บางครั้งยังขอปัจจัยเป็นค่ารถ อีกทั้ง ยังเห็นว่า มิจฉาชีพอาจใช้ช่องทางปลอมเป็นพระสงฆ์ ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และส่งผลเสียต่อวงการพระสงฆ์ด้วย ดังนั้น จึงมีมติขอความร่วมมือมิให้พระสงฆ์โบกรถประชาชน เพื่อปิดกั้นหนทางการปฏิบัติไม่เหมาะสมของพระภิกษุ