คุณหมอฟันธง! การใช้โทนเนอร์เป็นส่วนเกิน ทำร้ายผิว!
เห็นเป็นคำถามยอดฮิตคำถามนึงที่คนรักสวยรักงามทั้งหลายสงสัยกัน ว่าโทนเนอร์จำเป็นแค่ไหน ส่วนใหญ่ก็ตอบกันตามประสบการณ์บ้าง รู้สึกเอาบ้าง
ถามคนขายของบ้าง (คนขายโทนเนอร์ จะมีใครบ้างไหมหนอ ที่บอกว่าโทนเนอร์ไม่จำเป็นต้องใช้?)
จากประสบการณ์ในโรงงานผลิตเครื่องสำอาง ได้พูดคุยกับคุณหมอ รวมถึงเภสัชกรหลายทั้ง ทั้งหมดก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “โทนเนอร์เป็นสิ่งไม่จำเป็น แต่ถ้าจะใช้ให้ใช้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง!”
แต่สำหรับตัวของผมเองนั้น ซึ่งมีผิวมัน โทนเนอร์ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีติดอยู่หน้ากระจกเสมอ แต่ไม่ได้ใช้ทุกวันนะครับ เพียงแค่คืนไหน ดันเผลอไปล้างหน้าทันทีโดยยังไม่ได้ใช้คลีนซิ่งเช็ดก่อนล้างหน้า ก็คงไม่จำเป็นต้องไปเริ่มกระบวนการเช็ดคลีนซิ่งใหม่อีกแล้ว เพียงแค่ล้างหน้าเสร็จ ก็เช็ดโทนเนอร์ตาม
สัปดาห์นึงมีลืมเช็ดคลีนซิ่งก่อนล้างหน้าบ้างครั้งสองครั้ง ก็ใช้เช็ดโทนเนอร์หลังล้างหน้าแทน เท่านี้ก็ไม่สิ้นเปลือง และไม่เป็นการทำร้ายผิวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ไหนๆก็ฟันธงไปแล้วว่าโทนเนอร์ไม่จำเป็นต้องใช้ ก็เลยต้องหาคำตอบของแพทย์ผิวหนังมาอ้างอิงซะหน่อย ผมขออนุญาติคัดลอกจากเวป rcskinclinic.com มาลงให้อ่านกันเลยโดยไม่ได้ดัดแปลงแก้ไขแต่อย่างใดครับ
แต่มารักษาที่ราชเทวี ไม่เห็นว่าแพทย์จะมีตัวโทนเนอร์ให้เช็ดหลังล้างหน้า แต่ผิวเราก็กลับดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้โทนเนอร์เลย จึงอยากทราบว่าจริงๆ แล้วโทนเนอร์มีความสำคัญหรือช่วยผิวได้อย่างไรบ้างคะ ขอบคุณมากค่ะ
คุณหมอตอบ : คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตติดอันดับค่ะ หมอคิดว่าหลักการดูแลผิวหน้าที่ถูกต้องได้แก่ การทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และด้วยวิธีการที่นุ่มนวล ตามด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับประเภทผิวของคุณ รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด (ปกป้องผิวจากรังสียูวี) ที่เหมาะสม
ส่วนโทนเนอร์จัดเป็นผลิตภัณฑ์เกินความจำเป็น และอาจทำร้ายผิวหน้าของคุณได้ เนื่องจากส่วนประกอบของโทนเนอร์มักมีแอลกอฮอล์หรือกรดบางประเภท ซึ่งสารทั้งสองอย่างมีความระคายเคืองสูง หลังจากการล้างหน้าเสร็จใหม่ๆ สภาพผิวจะอยู่ในสภาพที่ไวต่อสารระคายเคืองต่างๆ เนื่องจากน้ำมันซึ่งปกติทำหน้าที่ปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ มีปริมาณลดลง ดังนั้นหมอขอสรุปว่าไม่ควรใช้โทนเนอร์ค่ะ
คำถามคำตอบคัดลอกจาก : ราชเทวี คลีนิก การใช้โทนเนอร์