โขนเป็นศาสนาหรือไม่
อืม!! ถามโดย ผู้ใช้ชื่อผ่านเฟสบุ๊ก "การเดินทาง สู่จุดหมาย" โขนเป็นศาสนาหรือไม่
ผมขอตอบแทนละกันครับ
สิ่งที่อยากพูดถึงเป็นแง่ของ "รามยณะกับศาสนวิทยา"
ต้องเรียนว่า รามเกียรติ์ของไทยซึ่งมีรากเหง้าและดัดแปลงมาจากรามยณะของอินเดียนั้น ถูกศึกษาวิเคราะห์หลายทฤษฎีมาก ทฤษฎีเก่าที่สุดที่ฝรั่งวิเคราะห์ไว้และถูกอ้างถึงมากที่สุด ก็บอกว่าเป็นสงครามระหว่างชาติพันธุ์และชนชั้นระหว่างชนพื้นเมืองซึ่งเป็นชาติพันธุ์ดั้งเดิมในอินเดีย กับชาติพันธุ์อารยัน ที่รุกรานเข้ามา และปกครองคนพื้นเมืองเดิม
อันนั้นก็มีคนยึดถือกันมาก แต่ก็มีคนไม่เห็นด้วยเช่นกัน รามยณะก็ยังถูกวิเคราะห์ในอีกหลายทฤษฎี นอกจากนี้ต้องอย่าลืมข้อเท็จจริงอีกเรื่องก็คือ ตำนานรามยณะมีหลายตำนาน หลายต้นฉบับ และไม่ตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เขียนวิเคราะห์และยึดถือมากกว่าคือเชื่อว่า รามยณะคือนิยายอิงศาสนา และต่อมานิยายอันนี้ยังได้มีพัฒนาการจนกลายเป็นศาสนาขึ้นมาเองอีกด้วย คือมีกลุ่มคนที่ใช้ตัวละครและเนื้อหาของรามยณะขึ้นมาเป็นตัวศาสนาเองเลยทีเดียว เช่นบูชาตัวพระราม บูชาเทพหนุมาน อย่างนี้เป็นต้น
ไม่อยากอ้างอิงรายละเอียดอะไรมาก จะยาวเกินโควต้าไป แต่โดยสังเขปก็คือ รามยณะเป็นนิยายที่ค่อยๆพัฒนามาจากนิทานพื้นบ้าน ซึ่งก็มีรากเหง้าจากความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ โดยถือว่า พระรามก็คือการอวตารมาของพระอิศวร ซึ่งในทางศาสนาก็เชื่อว่ามีวรกายสีเขียวเช่นกัน (ในขณะที่พระลักษณ์ น้องชายกลับมีกายเป็นสีทอง) ขณะที่ทศกัณฑ์ก็เป็นการกลับชาติมาเกิดของยักษ์นนทก
แนววคิดของรามยณะสะท้อนแนวคิดศาสนาพราหมณ์ที่เชื่อเรื่องเทพอวตารมาเกิดเป็นมนุษย์ รวมทั้งเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดซึ่งเป็นความคิดที่เริ่มจากศาสนาพราหมณ์มากว่าห้าพันปี
แนวคิดเรื่อง เทพมาเกิดเป็นมนุษย์ของรามยณะนั้น เป็นเรื่องที่เหมือนกับเทพปกรณัมกรีกมาก เป็นพัฒนาการของศาสนาอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเริ่มจากขั้นสรรพวิญญาณนิยม (Spiritism) ไปสู่ขั้นสรรพเทพเจ้า (Gods) ไปสู่เทพอวตารมาเป็นมนุษย์ (Gods-Man)
ไม่ต้องสงสัยว่า แนวความเชื่อนี้และพัฒนาการอันนี้ก่อให้เกิดประโยชน์สองประการด้วยกัน ประการแรกคือ เกิดมิติทางศาสนาแบบใหม่ ศาสนาในแบบที่เทพที่สูงส่งและห่างไกลจากมนุษย์ (transendent gods) ได้เข้ามาเป็นเทพที่อยู่ใกล้มนุษย์ (Immanent gods) อย่างมากที่สุด คือจนถึงกับ อยู่ร่วมกับมนุษย์เลย ทำให้เกิดความใกล้ชิดและสุขใจ
แต่ผลประโยชน์อีกอันหนึ่งที่ถูกนำไปใช้คือ แนวความเชื่อนี้ได้สนับสนุนให้เกิดแนวคิดเรื่อง "เทวบุรุษ" มนุษย์ผู้เป็นวีรบุรุษเหนือมนุษย์ ซึ่งก็นำไปสู่แนวคิด "เทวราชา" หรือ "สมมติเทพ" ขึ้นมา
เรื่องนี้เกิดขึ้นในวัฒนธรรมทั่วโลก เป็นขั้นหนึ่งของพัฒนาการโดยธรรมชาติ ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่มันก็จะมีวิวัฒนาการไป
เกี่ยวกับเรื่องรามยณะ มีคนเคยถามด้วยว่า ทำไมทศกัณฑ์ต้องมี 10 หน้า 20 มือ ก็ขออธิบายว่า เป็นแนวคิดดั้งเดิมที่สร้างลักษณะเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้เพื่อการเปรียบเทียบถึงบุคคลที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ธรรมดา
ส่วนในกรณีของเทพที่มี 4 หน้า 4 มือนั้น จะสื่อว่า เทพองค์นั้นมีลักษณะของการรู้เห็นทั้ง 4 ทิศ ก็คือเป็นสัพพัญญูรู้ทุกอย่าง (ommiscience) ไม่มีอะไรลอดหูลอดตาไปได้ สี่มือก็คือทำได้ทุกอย่างและทำทุกอย่างได้พร้อมๆกัน (omnipotent)
ส่วนเรื่องที่ว่า คิดอย่างไรเรื่องเอาทศกัณฑ์มาโฆษณาการท่องเที่ยว ก็ขอเรียนว่า เพิ่งจะได้ดู
น่าชื่นชมเหลือเกิน