อีรอส (Eros) หรือ คิวปิด (Cupid) กามเทพ ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก
โพสท์โดย SpiderMeaw
เทพอีรอส (Eros) ของกรีก หรือ เทพคิวปิด (Cupid) หรือ เทพอามอร์ (Amor) ของโรมัน
ซึ่งเป็นกามเทพ หรือเทพแห่งความรัก ลักษณะที่เราคุ้นเคยก็คือ เทวดาเด็กมีปีกสีขาว
ถือธนูคอยยิงศรให้คนเกิดความรักต่อกัน
ตำนานเล่าความเป็นมาของเทพเจ้าองค์นี้ต่างๆ กันไป คิเคโร (Cicero) ได้เล่าไว้ 3 ทางด้วยกัน
ทางหนึ่งว่าเป็นโอรสของเมอร์คิวรี (เฮอร์มีส) และเทพีไดอานา (อาร์ทีมิส) อีกทางหนึ่งว่า
โอรสของเมอร์คิวรี และวีนัส (อโฟรไดท์) และอีกทางหนึ่งว่า เป็นโอรสของมาร์ส (เอรีส ตามปกรณัมของกรีก)
และวีนัส ขณะที่ในเธโอโกนี ของเฮสิออด ซึ่งเป็น ตำราเทวศาสตร์ (theoography)
ที่เก่าแก่ที่สุดของกรีกโบราณ ระบุว่า คิวปิด ถูกสร้างขึ้นมา พร้อมกับ เคออส และโลก ในตำรา
เกี่ยวกับเทพเจ้าโบราณโดยทั่วไป ระบุว่ามีคิวปิดสององค์ หรือสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งว่า เป็นโอรสของจูปิเตอร์
(เซอุส หรือ ซุส) และวีนัส อีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นโอรสของนีกซ์ และเอเรบุส
แต่ส่วนใหญ่ในตำนานการกำเนิดของคิวปิด บอกไว้ว่า เทพีวีนัสหรืออโฟรไดท์ ได้ลักลอบเป็นชู้กับ
เทพสงคราม เอรีส (เนื่องจากฝ่ายหญิง ได้สมรสแล้วกับเฮเฟสทัส เทพแห่งการช่าง แต่เทพีวีนัสไม่พอใจ
เพราะเทพสวามีเอาแต่ขลุกตัวอยู่กับงานของตน อีกอย่างพระนางก็พอใจเทพเอรีสมาแต่แรก แต่ที่ได้แต่งงาน
กับเทพเฮเฟสทัส เพราะเทพซุส ยกพระนางให้เป็นรางวัลแก่เทพเฮเฟสทัส) จนกระทั่งมีโอรส
ให้นามว่า คิวปิด หรือ อีรอส
ตามตำนานแล้ว เทพคิวปิดจะอยู่ใกล้ชิดกับเทพีวีนัสผู้เป็นมารดาอยู่เสมอ ซึ่งอาจเทียบเคียงในเชิง
อุปมาอุปไมยได้ว่า เมื่อมีความงาม ก็มักจะตามมาด้วยความใคร่และความรัก
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกนั้น เทพคิวปิดไม่ยอมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ตามกาลเวลาที่ผ่านไป ยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ
ทำให้เทพีวีนัสเกิดความกังวลใจ จึงไปปรึกษากับเทพีธีมิส เทพีแห่งความยุติธรรมว่า ควรทำอย่างไร
คิวปิด จึงจะเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ ก็ได้รับคำตอบว่า ที่คิวปิดไม่ยอมโตเป็นเพราะขาดเพื่อนเล่นแก้เหงา
ต่อมาไม่ช้าไม่นาน เทพีวีนัสก็ได้กำเนิดโอรส อีกองค์หนึ่งชื่อ แอนตีรอส (Anteros) ซึ่งมีบิดาคือเทพมาร์ส
หรือ เอรีส อีกแล้ว (ไม่ใช่เทพวัลแคน หรือ เทพเฮเฟสทัส สามีตัวจริง เช่นเคย) เมื่อมีน้องเป็นเพื่อนเล่น
กามเทพคิวปิด จึงเติบโตขึ้น เป็นหนุ่มรูปงาม ส่วนเทพแอนตีรอสนั้นถือกันว่า เป็นเทพที่บันดาลให้เกิดความรักตอบด้วย
ตรงนี้ตีความ ได้ว่า ความรักที่ก่อกำเนิดขึ้นนั้นจะบรรลุผล จะต้องได้รับความรักตอบ เมื่อครบทั้งสองทาง
ความรักนั้นจึงจะสมบูรณ์
คิวปิด และ ไซคี
เรื่องของเทพ อีรอสกับนาง ไซคิ ซึ่งจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่รู้จักกันแพร่หลายที่สุดเรื่องหนึ่ง
ในเทพปกรณัมกรีกโรมัน ด้วย เป็นเรื่องที่จับใจและให้คติน่าคิดหลายทำนอง สุดแต่ผู้อ่านผู้ฟัง
จะคิดเห็นตามอัธยาศัย โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นเรื่องรักของเทพอีรอส เอง ผู้มีฤทธิ์จะบันดาล
ให้ใครรักใครก็ได้ประการหนึ่ง และชื่อนาง ไซคิ (Psyche) ตัวเอกของเรื่องนั้นก็เผอิญเป็นคำเดียวกันกับ
คำที่หมายถึง จิตใจหรือดวงวิญญาณอีกประการหนึ่งด้วย หรืออาจกล่าวว่า เทพปกรณัมกรีกอุปโลกน์
นางไซคิให้หมายแทนลักษณะของ ดวงวิญญาณก็ได้ บรรยายตามเรื่องที่เล่าในปกรณัมนั้นว่า
ในกาลครั้งหนึ่ง กษัตริย์องค์หนึ่งของกรีกมีธิดา 3 องค์ ล้วนทรงสิริโฉมงามสะคราญ แต่ความงามของ 2 องค์
พี่รวมกันจะเทียม เท่าด้วยความงามองค์น้องสุดก็หาไม่ ธิดาองค์หลังสุดนี้ทรงนามว่า ไซคิ เป็นเจ้าของ
ความงามอันลือเลื่องเฟื่องฟุ้งยิ่งนัก
ถึงกับใคร ๆ พา กันยกย่องเทิดทูนจนลือกระทำบูชาเทพีวีนัสที่เป็นถึง เจ้าแม่แห่งความงามเสียอีก
เป็นเหตุให้ศาลของเทพีวีนัสเงียบเหงาวังเวง แท่นที่บูชา เจ้าแม่ก็ว่างเปล่าหาผู้ใดจะเข้าไปบวงสรวงมิได้
แม้แต่แขกเมืองก็ พากันผ่านศาลเจ้าแม่ไปชมความงามของไซคิกันหมดสิ้น เทพีวีนัสริษยาไซคิยิ่งนัก
คิดใคร่จะแกล้งนางไซคิให้ตกต่ำ ด้วยความอัปยศ เพื่อมิให้คนทั้งปวงยกย่องเทิดทูนและใฝ่ฝัน
ถึงนางอีกต่อไป
เทพีวีนัสจึงสั่งให้คิวปิดไปทำให้ไซคีไปหลงรักชายที่เลวทรามต่ำช้าสักคนหนึ่ง คิวปิดกระทำตามเจ้าแม่สั่ง
แต่ผลกลับกลายเป็นว่า "สัตว์อุบาทว์ทรลักษณ์" ที่ไซคิจะต้อง หลงรักนั้นได้แก่ คิวปิดเอง !
ในอุทยานของเจ้าแม่อโฟร์ไดที่มีน้ำพุอยู่ 2 แอ่ง แอ่งหนึ่งเป็นน้ำหวาน อีกแอ่งเป็นน้ำขม
น้ำพุหวานเป็นน้ำสำหรับ บันดาลความ ชื่นบาน ส่วนน้ำขมสำหรับบันดาลความขมขื่นระทมใจ
ในครั้งแรก อีรอสตักน้ำพุทั้งสองชนิดบรรจุกุณโฑ ชนิดละใบ นำไปยังห้องที่ไซคิ หลับอยู่
อีรอสตั้งใจเอาน้ำขมในประพรมลงบนริมฝีปากไซคิให้นางกิน แต่เผลอเอาปลายศรของตัวเองสะกิดสีข้างของนาง
จนทำให้ไซคิสะดุ้งตื่น ถึงแม้ว่าอีรอสจะมิได้ปรากฏองค์ให้นางเห็น แต่เพราะตกใจ
จึงพลาดทำศรสะกิดตัวเองด้วย จนทำให้ตกหลุมรักนางไซคิด้วยอำนาจศรของตัวเองตั้งแต่บัดนั้น
และเปลี่ยนเอาน้ำพุหวานรดลงบนเรือนผมของไซคิ แล้วก็ผละผินบินออกจากที่นั้นไป
แม้จะรักนางไซคีแต่ก็ทำอะไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะกลัวแม่ สุดท้ายก็วางแผน โดยขอความช่วยเหลือ
จากเทพหลายองค์ให้ไม่มีใครมาสู่ขอนางไซคี (เพราะคิดเอาเองว่า นางอยู่สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง ก็เลยไม่มีใครมาขอ)
เวลาผ่านไป ไซคิก็ยิ่งเหงาเปล่าเปลี่ยวใจไม่มีผู้ใดใฝ่ฝันจะขอวิวาห์ด้วย สายตาคนทั้งหลายยังคงตะลึงลาน
ในรูปโฉมและ คำคนยังแจ้วจำนรรจาสรรเสริญนางยังมีอยู่ แต่มิมีใครสู่ขอนางเป็นคู่ชีวิต เนื่องจากใคร ๆ
ก็พากันเกรง นางอยู่สุดเอื้อมเหมือน กันหมด พี่สาวทั้งสองของนางได้แต่งงานไปแล้วกับเจ้ากรีกต่างนคร
ส่วนไซคิยังคงอยู่เดียว เปลี่ยวใจต่อมาอีกเป็นเวลานาน จนบิดามารดาของนางเกิดปริวิตกเกรงว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้
เพราะมีความบกพร่องอะไร สักอย่างหนึ่ง ซึ่งตนได้กระทำลงไปโดย รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้เทพเจ้าโกรธ
ถึงบันดาลโทษให้ปรากฏเช่นนี้ จึงบวงสรวงเสี่ยงทายคำพยากรณ์แห่งเทพอพอลโล และได้รับคำพยากรณ์ว่า
นางจะได้คู่ครองเป็นมนุษย์ปุถุชนก็หาไม่ คู่ครองของนางในภายหน้านั้นคอยนางอยู่แล้วบนยอดเขาขุนเขา
เป็นอมนุษย์ซึ่งไม่มีมนุษย์หรือเทพองค์ใดจะขัดขืน หรือต้านทานได้
คำพยากรณ์นี้เป็นเหตุให้เกิดความเศร้าสลดแก่คนทั้งหลายและบิดามารดาของนางไซคิอย่างหาที่เปรียบมิได้
แต่ตัวนางเอง หาย่อท้อไม่ นางกลับเห็นว่า เมื่อวาสนา ชะตากรรมของนางจะต้องเป็นเช่นนั้นก็ตาม
บิดามารดาของนางจึงจัดแจงส่งนางขึ้นไป บนยอดเขา ประกอบด้วยขบวนแห่แหนดั่งแห่ศพฉะนั้น
ฝูงคนทั้งปวงที่ตามขบวนแห่ก็ ล้วนแต่เศร้าหมอง มีใจคอห่อเหี่ยวอาลัย เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาแล้ว
บิดามารดาของนางและคนทั้งปวงก็พากันกลับ พร้อมด้วยใจละห้อยละเ...่ยยิ่งกว่าตอนขาไปอีก
นางไซคิยืนถอนสะอื้นด้วยความใจหายและว้าเหว่โดยลำพังตนอยู่บนชะง่อนหิน ในบัดดลเทพเสฟไฟรัส
เจ้าแห่งลมตะวันตกก็บรรจงโอบอุ้มร่างไซคิขึ้นจากยอดเขา ไปยังปราสาทที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้
ห้อมล้อมด้วยหุบเขาซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ตกกลางคืนคิวปิดก็มาครองคู่อยู่กับไซคี
โดยนางมองไม่เห็นว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร พอรุ่งสางคิวปิดก็จากไป ท่ามกลางความสุขสบายนั้น
คิวปิดขอคำมั่นสัญญาจากนางไซคีว่า จะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
ไซคีก็รับปาก
แต่นางจะต้องไม่มองดูคู่ครองของเธอโดยเด็ดขาด ด้วยความเศร้าทั้งพ่อและแม่ โดยความเห็นชอบ
ของนางไซคี จึงแห่ไปส่งนางไซคีที่ยอดเขาและทิ้งไว้เพียงลำพัง เทพเสฟไฟรัส (Zephyrus)
เทพประจำลมตะวันตก จึงพัดพาเธอไปยังปราสาทที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้ ห้อมล้อมด้วยหุบเขา
ซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ตกกลางคืนคิวปิดก็มาครองคู่อยู่กับไซคี โดยนางมองไม่เห็นว่าเขา
มีหน้าตาเป็นอย่างไร พอรุ่งสางคิวปิดก็จากไป ท่ามกลางความสุขสบายนั้น คิวปิดขอคำมั่นสัญญา
จากนางไซคีว่า จะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไซคีก็รับปาก
ต่อมานางไซคีได้เชื้อเชิญพี่สาวทั้งสองของนางมาเที่ยวยังปราสาท ด้วยความยินยอมอย่างไม่เต็มใจนัก
ของคิวปิด พี่สาวของนางมาพบเห็นปราสาทที่งดงาม ก็รู้สึกอิจฉาในโชคลาภวาสนาของน้องสาว
จึงยุยงให้ไซคี ลอบดูตัวสามี โดยวางแผนไว้ว่า หากพบเห็นว่าเป็นอมนุษย์ที่น่าเกลียดก็ให้ฆ่าเสีย
นางก็ดันเชื่อในคำยุยงนั้น ซ่อนตะเกียง และมีดเอาไว้ใต้เตียง เมื่อคิวปิดมา และหลับไป
นางจึงลอบจุดตะเกียงส่องดูสามี เธอจึงพบว่าสามีของนาง เป็นชายหนุ่มรูปงามกว่าชายใดๆ
ที่เธอเคยพบมา ทันใดนั้น น้ำมันตะเกียง ก็หยดลงต้องกายคิวปิดจึงตื่นขึ้น และเมื่อเห็นว่าภรรยาของตน
ละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ คิวปิดจึงบอกนางว่า
“ความรักไม่อาจดำรงอยู่ได้ ถ้าปราศจากความไว้วางใจ ข้าจะลงโทษเจ้า ด้วยการจากเจ้าไปตลอดกาล”
แล้วก็บินจากไป พร้อมกันนั้นปราสาท และอุทยานที่งดงาม พลันอันตรธานหายไปด้วย
ไซคีเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น นางพร่ำโทษตัวเองที่ผิดคำสัญญา นางจึงตัดสินใจ ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน
เพื่อติดตามหาคิวปิด ซึ่งยากลำบากมากสำหรับผู้หญิงอ่อนแอและบอบบางอย่างไซคี แต่พี่สาวทั้งสอง
ของไซคีกลับรู้สึกยินดี พร้อมทั้งไปที่หน้าผาเรียกเทพลมมารับ เพราะคิดว่าคิวปิดอาจจะรับพวกนาง
เป็นชายาแทนไซคี แต่เพราะ เทพลมเสฟไฟรัส ไม่ได้รับคำสั่งให้มารับเมื่อพวกนางกระโจนออกจากหน้าผา
พวกนางจึงตกเขาตาย
ไซคีซัดเซพเนจรรอนแรมตามหาคิวปิดอย่างยากลำบาก จนพบเข้ากับวิหารเทพีดิมิเทอร์ เทพีเเห่งพืชผล
ซึ่งของบูชานั้น วางระเกะระกะไม่มีระเบียบเพราะชาวไร่ต่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไซคี จึงจัดระเบียบ
ของเซ่นสรวงจนเรียบร้อย เทพีดิมิเทอร์พอใจมาก จึงบอกให้ไซคีไปที่วิหารของเทพีวีนัสเพื่อขออภัยโทษ
แต่เทพีวีนัส มีความริษยาแรง จึงหาทางกลั่นแกล้งไซคีต่างๆนานาๆ โดยให้ไซคีแยกเมล็ดข้าว ข้าวบาร์เล่ย์
ข้าวโพด ถั่ว และธัญญาหารชนิดต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในฉางแยกออกมาให้เสร็จก่อนค่ำ เพื่อให้นกพิราบของพระนางกิน
ไซคี ถึงกับท้อแท้ใจ เพราะนางเป็นแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางจะทำสิ่งที่เกินความสามารถเช่นนี้ได้แน่นอน
ในขณะนั้นคิวปิดที่คอยเฝ้ามองดูแลไซคีอยู่ห่างๆ ตลอดเวลาก็ส่งมดฝูงใหญ่มาช่วยงานไซคี โดยมดทั้งหมด
ต่างแยกธัญญาหารอย่างเรียบร้อย และรีบกลับไปก่อนค่ำ
เทพีวีนัสกริ้วมาก เพราะรู้ว่าไซคีไม่ได้ทำเอง และคนที่ช่วยเหลือนางก็คือโอรสของพระนางนั่นเอง
จึงสั่งให้ไซคี ไปเก็บขนแกะทองคำ มาให้พระนาง ซึ่งแกะขนทองฝูงนั้นโหดร้ายมาก แต่เทพประจำแม่น้ำ
ก็ช่วยเหลือไซคี บอกเคล็ดลับต่างๆ จนไซคีทำภารกิจที่สองสำเร็จ
เมื่อผู้เป็นสะใภ้สำเร็จภารกิจมาได้ทั้งสองครั้ง ทำให้เทพีวีนัสคิดแผนการร้ายกาจที่สุดขึ้นมาได้
โดยรับสั่งให้ไซคี นำผอบไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเปอร์เซโฟนี มเหสีของ เทพฮาเดส
แห่งยมโลกมาถวายพระนาง ซึ่งหมายถึง การส่งไซคีไปตายนั่นเอง
ไซคีท้อถอยหมดกำลังใจอย่างมากเมื่อรู้ความหมายของเทพีวีนัส นางจึงคิดว่า ดีเหมือนกัน
ในเมื่อสามี ไม่เหลียวมองตนอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้น
ไซคีจึงขึ้นไปยังยอดผา เตรียมตัวกระโดดฆ่าตัวตายไปสู่ยมโลก แต่ยังไม่ทันที่ไซคีจะทำตามความตั้งใจ
คิวปิดที่เฝ้ามองนางอยู่ จึงเอ่ยปลอบประโลมนาง อย่างอ่อนโยนด้วย ความรัก และ สงสาร
ทว่าทิฐิ ก็ยังทำให้กามเทพ ไม่ยอมปรากฏกาย ให้ไซคีเห็น ไซคีได้ยินเสียงปลอบใจปริศนานั้น
ก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ คิวปิดบอกวิธีต่างๆ ในการไปนรก อย่างปลอดภัย ให้กับไซคี พร้อมกับย้ำเตือนนาง
ไม่ให้นางเปิดผอบเครื่องประทินโฉมนั้นเป็นอันขาด
ในที่สุดนางก็ได้รับมอบผอบทองคำ จากเทพีเปอร์เซโฟนี ซึ่งย้ำเตือนไซคีว่า ห้ามเปิดดูผอบเป็นอันขาด
อย่างไรก็ตาม ไซคีไม่สามารถอดใจได้ เพราะคิดว่าเครื่องประกอบความงามนั้น จะทำให้เธองดงามกว่าเดิม
เพื่อว่าสามีของเธอ จะเกิดความยินดี เมื่อได้พบหน้าเธออีกครั้ง เมื่อเปิดผอบขึ้น เธอก็ล้มสลบลงทันที
เพราะเครื่องประกอบความงาม ที่อยู่ในผอบก็คือเวทมนตร์แห่งความหลับใหลในยมโลก
(ตรงนี้เป็นการบอกว่า เคล็ดลับ รักษาความงาม ก็คือการได้นอนหลับพักผ่อน อย่างเพียงพอนั่นเอง)
เมื่อนางไซคีสลบไปดังกล่าว เทพคิวปิดที่เฝ้ามองอยู่ก็รีบเข้ามาช่วยเหลือนำเวทมนตร์แห่งความหลับใหลนั่น
เก็บใส่ ผอบอย่างเดิม และปลุกไซคีให้ฟื้นขึ้น และชี้ให้ไซคี เห็นโทษของความอยากรู้อยากเห็นที่เกิดขึ้น
กับนางถึงสองครั้งแล้ว จากนั้นคิวปิดได้ทูลขอมหาเทพซุส ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เทพีวีนัสยกโทษให้ไซคี
และ บันดาลให้นางไซคี ได้ความเป็นอมตะ เช่นเหล่าทวยเทพทั้งหลาย
ตั้งแต่นั้นเทพคิวปิดและนางไซคีจึงได้ครองคู่อย่างเป็นสุขเป็นต้นมา หากเราถอดความหมายแล้วก็จะได้ว่า
ชีวิต ครอบครัว จะดำรงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และหากเกิด อุปสรรคใดๆ ขึ้นมา
ครอบครัวนั้นก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และจะได้รับความสุขเป็นรางวัลต่อกัน[/b]
ตำนานเล่าความเป็นมาของเทพเจ้าองค์นี้ต่างๆ กันไป คิเคโร (Cicero) ได้เล่าไว้ 3 ทางด้วยกัน
ทางหนึ่งว่าเป็นโอรสของเมอร์คิวรี (เฮอร์มีส) และเทพีไดอานา (อาร์ทีมิส) อีกทางหนึ่งว่า
โอรสของเมอร์คิวรี และวีนัส (อโฟรไดท์) และอีกทางหนึ่งว่า เป็นโอรสของมาร์ส (เอรีส ตามปกรณัมของกรีก)
และวีนัส ขณะที่ในเธโอโกนี ของเฮสิออด ซึ่งเป็น ตำราเทวศาสตร์ (theoography)
ที่เก่าแก่ที่สุดของกรีกโบราณ ระบุว่า คิวปิด ถูกสร้างขึ้นมา พร้อมกับ เคออส และโลก ในตำรา
เกี่ยวกับเทพเจ้าโบราณโดยทั่วไป ระบุว่ามีคิวปิดสององค์ หรือสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งว่า เป็นโอรสของจูปิเตอร์
(เซอุส หรือ ซุส) และวีนัส อีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นโอรสของนีกซ์ และเอเรบุส
แต่ส่วนใหญ่ในตำนานการกำเนิดของคิวปิด บอกไว้ว่า เทพีวีนัสหรืออโฟรไดท์ ได้ลักลอบเป็นชู้กับ
เทพสงคราม เอรีส (เนื่องจากฝ่ายหญิง ได้สมรสแล้วกับเฮเฟสทัส เทพแห่งการช่าง แต่เทพีวีนัสไม่พอใจ
เพราะเทพสวามีเอาแต่ขลุกตัวอยู่กับงานของตน อีกอย่างพระนางก็พอใจเทพเอรีสมาแต่แรก แต่ที่ได้แต่งงาน
กับเทพเฮเฟสทัส เพราะเทพซุส ยกพระนางให้เป็นรางวัลแก่เทพเฮเฟสทัส) จนกระทั่งมีโอรส
ให้นามว่า คิวปิด หรือ อีรอส
ตามตำนานแล้ว เทพคิวปิดจะอยู่ใกล้ชิดกับเทพีวีนัสผู้เป็นมารดาอยู่เสมอ ซึ่งอาจเทียบเคียงในเชิง
อุปมาอุปไมยได้ว่า เมื่อมีความงาม ก็มักจะตามมาด้วยความใคร่และความรัก
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกนั้น เทพคิวปิดไม่ยอมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ตามกาลเวลาที่ผ่านไป ยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ
ทำให้เทพีวีนัสเกิดความกังวลใจ จึงไปปรึกษากับเทพีธีมิส เทพีแห่งความยุติธรรมว่า ควรทำอย่างไร
คิวปิด จึงจะเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ ก็ได้รับคำตอบว่า ที่คิวปิดไม่ยอมโตเป็นเพราะขาดเพื่อนเล่นแก้เหงา
ต่อมาไม่ช้าไม่นาน เทพีวีนัสก็ได้กำเนิดโอรส อีกองค์หนึ่งชื่อ แอนตีรอส (Anteros) ซึ่งมีบิดาคือเทพมาร์ส
หรือ เอรีส อีกแล้ว (ไม่ใช่เทพวัลแคน หรือ เทพเฮเฟสทัส สามีตัวจริง เช่นเคย) เมื่อมีน้องเป็นเพื่อนเล่น
กามเทพคิวปิด จึงเติบโตขึ้น เป็นหนุ่มรูปงาม ส่วนเทพแอนตีรอสนั้นถือกันว่า เป็นเทพที่บันดาลให้เกิดความรักตอบด้วย
ตรงนี้ตีความ ได้ว่า ความรักที่ก่อกำเนิดขึ้นนั้นจะบรรลุผล จะต้องได้รับความรักตอบ เมื่อครบทั้งสองทาง
ความรักนั้นจึงจะสมบูรณ์
คิวปิด และ ไซคี
เรื่องของเทพ อีรอสกับนาง ไซคิ ซึ่งจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่รู้จักกันแพร่หลายที่สุดเรื่องหนึ่ง
ในเทพปกรณัมกรีกโรมัน ด้วย เป็นเรื่องที่จับใจและให้คติน่าคิดหลายทำนอง สุดแต่ผู้อ่านผู้ฟัง
จะคิดเห็นตามอัธยาศัย โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นเรื่องรักของเทพอีรอส เอง ผู้มีฤทธิ์จะบันดาล
ให้ใครรักใครก็ได้ประการหนึ่ง และชื่อนาง ไซคิ (Psyche) ตัวเอกของเรื่องนั้นก็เผอิญเป็นคำเดียวกันกับ
คำที่หมายถึง จิตใจหรือดวงวิญญาณอีกประการหนึ่งด้วย หรืออาจกล่าวว่า เทพปกรณัมกรีกอุปโลกน์
นางไซคิให้หมายแทนลักษณะของ ดวงวิญญาณก็ได้ บรรยายตามเรื่องที่เล่าในปกรณัมนั้นว่า
ในกาลครั้งหนึ่ง กษัตริย์องค์หนึ่งของกรีกมีธิดา 3 องค์ ล้วนทรงสิริโฉมงามสะคราญ แต่ความงามของ 2 องค์
พี่รวมกันจะเทียม เท่าด้วยความงามองค์น้องสุดก็หาไม่ ธิดาองค์หลังสุดนี้ทรงนามว่า ไซคิ เป็นเจ้าของ
ความงามอันลือเลื่องเฟื่องฟุ้งยิ่งนัก
ถึงกับใคร ๆ พา กันยกย่องเทิดทูนจนลือกระทำบูชาเทพีวีนัสที่เป็นถึง เจ้าแม่แห่งความงามเสียอีก
เป็นเหตุให้ศาลของเทพีวีนัสเงียบเหงาวังเวง แท่นที่บูชา เจ้าแม่ก็ว่างเปล่าหาผู้ใดจะเข้าไปบวงสรวงมิได้
แม้แต่แขกเมืองก็ พากันผ่านศาลเจ้าแม่ไปชมความงามของไซคิกันหมดสิ้น เทพีวีนัสริษยาไซคิยิ่งนัก
คิดใคร่จะแกล้งนางไซคิให้ตกต่ำ ด้วยความอัปยศ เพื่อมิให้คนทั้งปวงยกย่องเทิดทูนและใฝ่ฝัน
ถึงนางอีกต่อไป
เทพีวีนัสจึงสั่งให้คิวปิดไปทำให้ไซคีไปหลงรักชายที่เลวทรามต่ำช้าสักคนหนึ่ง คิวปิดกระทำตามเจ้าแม่สั่ง
แต่ผลกลับกลายเป็นว่า "สัตว์อุบาทว์ทรลักษณ์" ที่ไซคิจะต้อง หลงรักนั้นได้แก่ คิวปิดเอง !
ในอุทยานของเจ้าแม่อโฟร์ไดที่มีน้ำพุอยู่ 2 แอ่ง แอ่งหนึ่งเป็นน้ำหวาน อีกแอ่งเป็นน้ำขม
น้ำพุหวานเป็นน้ำสำหรับ บันดาลความ ชื่นบาน ส่วนน้ำขมสำหรับบันดาลความขมขื่นระทมใจ
ในครั้งแรก อีรอสตักน้ำพุทั้งสองชนิดบรรจุกุณโฑ ชนิดละใบ นำไปยังห้องที่ไซคิ หลับอยู่
อีรอสตั้งใจเอาน้ำขมในประพรมลงบนริมฝีปากไซคิให้นางกิน แต่เผลอเอาปลายศรของตัวเองสะกิดสีข้างของนาง
จนทำให้ไซคิสะดุ้งตื่น ถึงแม้ว่าอีรอสจะมิได้ปรากฏองค์ให้นางเห็น แต่เพราะตกใจ
จึงพลาดทำศรสะกิดตัวเองด้วย จนทำให้ตกหลุมรักนางไซคิด้วยอำนาจศรของตัวเองตั้งแต่บัดนั้น
และเปลี่ยนเอาน้ำพุหวานรดลงบนเรือนผมของไซคิ แล้วก็ผละผินบินออกจากที่นั้นไป
แม้จะรักนางไซคีแต่ก็ทำอะไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะกลัวแม่ สุดท้ายก็วางแผน โดยขอความช่วยเหลือ
จากเทพหลายองค์ให้ไม่มีใครมาสู่ขอนางไซคี (เพราะคิดเอาเองว่า นางอยู่สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง ก็เลยไม่มีใครมาขอ)
เวลาผ่านไป ไซคิก็ยิ่งเหงาเปล่าเปลี่ยวใจไม่มีผู้ใดใฝ่ฝันจะขอวิวาห์ด้วย สายตาคนทั้งหลายยังคงตะลึงลาน
ในรูปโฉมและ คำคนยังแจ้วจำนรรจาสรรเสริญนางยังมีอยู่ แต่มิมีใครสู่ขอนางเป็นคู่ชีวิต เนื่องจากใคร ๆ
ก็พากันเกรง นางอยู่สุดเอื้อมเหมือน กันหมด พี่สาวทั้งสองของนางได้แต่งงานไปแล้วกับเจ้ากรีกต่างนคร
ส่วนไซคิยังคงอยู่เดียว เปลี่ยวใจต่อมาอีกเป็นเวลานาน จนบิดามารดาของนางเกิดปริวิตกเกรงว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้
เพราะมีความบกพร่องอะไร สักอย่างหนึ่ง ซึ่งตนได้กระทำลงไปโดย รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้เทพเจ้าโกรธ
ถึงบันดาลโทษให้ปรากฏเช่นนี้ จึงบวงสรวงเสี่ยงทายคำพยากรณ์แห่งเทพอพอลโล และได้รับคำพยากรณ์ว่า
นางจะได้คู่ครองเป็นมนุษย์ปุถุชนก็หาไม่ คู่ครองของนางในภายหน้านั้นคอยนางอยู่แล้วบนยอดเขาขุนเขา
เป็นอมนุษย์ซึ่งไม่มีมนุษย์หรือเทพองค์ใดจะขัดขืน หรือต้านทานได้
คำพยากรณ์นี้เป็นเหตุให้เกิดความเศร้าสลดแก่คนทั้งหลายและบิดามารดาของนางไซคิอย่างหาที่เปรียบมิได้
แต่ตัวนางเอง หาย่อท้อไม่ นางกลับเห็นว่า เมื่อวาสนา ชะตากรรมของนางจะต้องเป็นเช่นนั้นก็ตาม
บิดามารดาของนางจึงจัดแจงส่งนางขึ้นไป บนยอดเขา ประกอบด้วยขบวนแห่แหนดั่งแห่ศพฉะนั้น
ฝูงคนทั้งปวงที่ตามขบวนแห่ก็ ล้วนแต่เศร้าหมอง มีใจคอห่อเหี่ยวอาลัย เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาแล้ว
บิดามารดาของนางและคนทั้งปวงก็พากันกลับ พร้อมด้วยใจละห้อยละเ...่ยยิ่งกว่าตอนขาไปอีก
นางไซคิยืนถอนสะอื้นด้วยความใจหายและว้าเหว่โดยลำพังตนอยู่บนชะง่อนหิน ในบัดดลเทพเสฟไฟรัส
เจ้าแห่งลมตะวันตกก็บรรจงโอบอุ้มร่างไซคิขึ้นจากยอดเขา ไปยังปราสาทที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้
ห้อมล้อมด้วยหุบเขาซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ตกกลางคืนคิวปิดก็มาครองคู่อยู่กับไซคี
โดยนางมองไม่เห็นว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร พอรุ่งสางคิวปิดก็จากไป ท่ามกลางความสุขสบายนั้น
คิวปิดขอคำมั่นสัญญาจากนางไซคีว่า จะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
ไซคีก็รับปาก
แต่นางจะต้องไม่มองดูคู่ครองของเธอโดยเด็ดขาด ด้วยความเศร้าทั้งพ่อและแม่ โดยความเห็นชอบ
ของนางไซคี จึงแห่ไปส่งนางไซคีที่ยอดเขาและทิ้งไว้เพียงลำพัง เทพเสฟไฟรัส (Zephyrus)
เทพประจำลมตะวันตก จึงพัดพาเธอไปยังปราสาทที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้ ห้อมล้อมด้วยหุบเขา
ซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ตกกลางคืนคิวปิดก็มาครองคู่อยู่กับไซคี โดยนางมองไม่เห็นว่าเขา
มีหน้าตาเป็นอย่างไร พอรุ่งสางคิวปิดก็จากไป ท่ามกลางความสุขสบายนั้น คิวปิดขอคำมั่นสัญญา
จากนางไซคีว่า จะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไซคีก็รับปาก
ต่อมานางไซคีได้เชื้อเชิญพี่สาวทั้งสองของนางมาเที่ยวยังปราสาท ด้วยความยินยอมอย่างไม่เต็มใจนัก
ของคิวปิด พี่สาวของนางมาพบเห็นปราสาทที่งดงาม ก็รู้สึกอิจฉาในโชคลาภวาสนาของน้องสาว
จึงยุยงให้ไซคี ลอบดูตัวสามี โดยวางแผนไว้ว่า หากพบเห็นว่าเป็นอมนุษย์ที่น่าเกลียดก็ให้ฆ่าเสีย
นางก็ดันเชื่อในคำยุยงนั้น ซ่อนตะเกียง และมีดเอาไว้ใต้เตียง เมื่อคิวปิดมา และหลับไป
นางจึงลอบจุดตะเกียงส่องดูสามี เธอจึงพบว่าสามีของนาง เป็นชายหนุ่มรูปงามกว่าชายใดๆ
ที่เธอเคยพบมา ทันใดนั้น น้ำมันตะเกียง ก็หยดลงต้องกายคิวปิดจึงตื่นขึ้น และเมื่อเห็นว่าภรรยาของตน
ละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ คิวปิดจึงบอกนางว่า
“ความรักไม่อาจดำรงอยู่ได้ ถ้าปราศจากความไว้วางใจ ข้าจะลงโทษเจ้า ด้วยการจากเจ้าไปตลอดกาล”
แล้วก็บินจากไป พร้อมกันนั้นปราสาท และอุทยานที่งดงาม พลันอันตรธานหายไปด้วย
ไซคีเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น นางพร่ำโทษตัวเองที่ผิดคำสัญญา นางจึงตัดสินใจ ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน
เพื่อติดตามหาคิวปิด ซึ่งยากลำบากมากสำหรับผู้หญิงอ่อนแอและบอบบางอย่างไซคี แต่พี่สาวทั้งสอง
ของไซคีกลับรู้สึกยินดี พร้อมทั้งไปที่หน้าผาเรียกเทพลมมารับ เพราะคิดว่าคิวปิดอาจจะรับพวกนาง
เป็นชายาแทนไซคี แต่เพราะ เทพลมเสฟไฟรัส ไม่ได้รับคำสั่งให้มารับเมื่อพวกนางกระโจนออกจากหน้าผา
พวกนางจึงตกเขาตาย
ไซคีซัดเซพเนจรรอนแรมตามหาคิวปิดอย่างยากลำบาก จนพบเข้ากับวิหารเทพีดิมิเทอร์ เทพีเเห่งพืชผล
ซึ่งของบูชานั้น วางระเกะระกะไม่มีระเบียบเพราะชาวไร่ต่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไซคี จึงจัดระเบียบ
ของเซ่นสรวงจนเรียบร้อย เทพีดิมิเทอร์พอใจมาก จึงบอกให้ไซคีไปที่วิหารของเทพีวีนัสเพื่อขออภัยโทษ
แต่เทพีวีนัส มีความริษยาแรง จึงหาทางกลั่นแกล้งไซคีต่างๆนานาๆ โดยให้ไซคีแยกเมล็ดข้าว ข้าวบาร์เล่ย์
ข้าวโพด ถั่ว และธัญญาหารชนิดต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในฉางแยกออกมาให้เสร็จก่อนค่ำ เพื่อให้นกพิราบของพระนางกิน
ไซคี ถึงกับท้อแท้ใจ เพราะนางเป็นแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางจะทำสิ่งที่เกินความสามารถเช่นนี้ได้แน่นอน
ในขณะนั้นคิวปิดที่คอยเฝ้ามองดูแลไซคีอยู่ห่างๆ ตลอดเวลาก็ส่งมดฝูงใหญ่มาช่วยงานไซคี โดยมดทั้งหมด
ต่างแยกธัญญาหารอย่างเรียบร้อย และรีบกลับไปก่อนค่ำ
เทพีวีนัสกริ้วมาก เพราะรู้ว่าไซคีไม่ได้ทำเอง และคนที่ช่วยเหลือนางก็คือโอรสของพระนางนั่นเอง
จึงสั่งให้ไซคี ไปเก็บขนแกะทองคำ มาให้พระนาง ซึ่งแกะขนทองฝูงนั้นโหดร้ายมาก แต่เทพประจำแม่น้ำ
ก็ช่วยเหลือไซคี บอกเคล็ดลับต่างๆ จนไซคีทำภารกิจที่สองสำเร็จ
เมื่อผู้เป็นสะใภ้สำเร็จภารกิจมาได้ทั้งสองครั้ง ทำให้เทพีวีนัสคิดแผนการร้ายกาจที่สุดขึ้นมาได้
โดยรับสั่งให้ไซคี นำผอบไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเปอร์เซโฟนี มเหสีของ เทพฮาเดส
แห่งยมโลกมาถวายพระนาง ซึ่งหมายถึง การส่งไซคีไปตายนั่นเอง
ไซคีท้อถอยหมดกำลังใจอย่างมากเมื่อรู้ความหมายของเทพีวีนัส นางจึงคิดว่า ดีเหมือนกัน
ในเมื่อสามี ไม่เหลียวมองตนอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้น
ไซคีจึงขึ้นไปยังยอดผา เตรียมตัวกระโดดฆ่าตัวตายไปสู่ยมโลก แต่ยังไม่ทันที่ไซคีจะทำตามความตั้งใจ
คิวปิดที่เฝ้ามองนางอยู่ จึงเอ่ยปลอบประโลมนาง อย่างอ่อนโยนด้วย ความรัก และ สงสาร
ทว่าทิฐิ ก็ยังทำให้กามเทพ ไม่ยอมปรากฏกาย ให้ไซคีเห็น ไซคีได้ยินเสียงปลอบใจปริศนานั้น
ก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ คิวปิดบอกวิธีต่างๆ ในการไปนรก อย่างปลอดภัย ให้กับไซคี พร้อมกับย้ำเตือนนาง
ไม่ให้นางเปิดผอบเครื่องประทินโฉมนั้นเป็นอันขาด
ในที่สุดนางก็ได้รับมอบผอบทองคำ จากเทพีเปอร์เซโฟนี ซึ่งย้ำเตือนไซคีว่า ห้ามเปิดดูผอบเป็นอันขาด
อย่างไรก็ตาม ไซคีไม่สามารถอดใจได้ เพราะคิดว่าเครื่องประกอบความงามนั้น จะทำให้เธองดงามกว่าเดิม
เพื่อว่าสามีของเธอ จะเกิดความยินดี เมื่อได้พบหน้าเธออีกครั้ง เมื่อเปิดผอบขึ้น เธอก็ล้มสลบลงทันที
เพราะเครื่องประกอบความงาม ที่อยู่ในผอบก็คือเวทมนตร์แห่งความหลับใหลในยมโลก
(ตรงนี้เป็นการบอกว่า เคล็ดลับ รักษาความงาม ก็คือการได้นอนหลับพักผ่อน อย่างเพียงพอนั่นเอง)
เมื่อนางไซคีสลบไปดังกล่าว เทพคิวปิดที่เฝ้ามองอยู่ก็รีบเข้ามาช่วยเหลือนำเวทมนตร์แห่งความหลับใหลนั่น
เก็บใส่ ผอบอย่างเดิม และปลุกไซคีให้ฟื้นขึ้น และชี้ให้ไซคี เห็นโทษของความอยากรู้อยากเห็นที่เกิดขึ้น
กับนางถึงสองครั้งแล้ว จากนั้นคิวปิดได้ทูลขอมหาเทพซุส ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เทพีวีนัสยกโทษให้ไซคี
และ บันดาลให้นางไซคี ได้ความเป็นอมตะ เช่นเหล่าทวยเทพทั้งหลาย
ตั้งแต่นั้นเทพคิวปิดและนางไซคีจึงได้ครองคู่อย่างเป็นสุขเป็นต้นมา หากเราถอดความหมายแล้วก็จะได้ว่า
ชีวิต ครอบครัว จะดำรงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และหากเกิด อุปสรรคใดๆ ขึ้นมา
ครอบครัวนั้นก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และจะได้รับความสุขเป็นรางวัล
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
28 VOTES (4/5 จาก 7 คน)
VOTED: meltxxx, zerotype, Varg Vikernes, Tabebuia
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
กินปุ๊บ ถ่ายปั๊บ กินแล้วปวดถ่ายทันที อาการนี้ผิดปกติไหมพบสัตว์สายพันธุ์หายากในเทือกเขาลึกของกัมพูชารวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่เป็นวันพุธ อากาศเย็นๆสบายๆ ทำงานอีกสองวันจะได้พักผ่อนกันละน๊าพบฝูงหมาในในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีขนสีชมพูอย่างน้อย 4 ตัว เร่งทำการศึกษาวิจัยมิติใหม่ของการเชิญชวนเข้าวัดทำบุญ..ฮือฮา! ปลาโรนินยักษ์ 2 เมตร เกยตื้นหาดบ่อนนท์ อ.ท่าศาลา เมืองคอนลือสะพัด!ศพ'แตงโม'ถูกมัดมือไพล่หลัง!ลือลั่น! ทนายเดชาร้องไห้คาศาล หลังถูกสั่งจำคุก!วัยทำงานความเครียดสูง ยิ่งเสี่ยงสโตรค หรือ โรคหลอดเลือดสมองเคลียร์ชัด! เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 และ 3 ใครได้บ้าง ได้วันไหน? พร้อมวิธีรับเงินผู้สูงอายุ!นักวิทยาศาสตร์พบว่า ใน ถุงชา 1 หยด มีพลาสติกปนนับล้านชิ้น ซึ่งเป็นสาเหตุก่อมะเร็งHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หนุ่มขับมอเตอร์ไซค์ยกล้อเกิดอุบัติเหตุล้มบนท้องถนน ชาวเน็ตในออนไลน์อดขำไม่ได้กรมการแพทย์แผนไทยฯ พัฒนา "ยาอดยาบ้า" ใช้รักษามาแล้วเกือบ 3,000 รายทุเรียนเทศและประโยชน์น่าทึ่ง!!ฮือฮา! ปลาโรนินยักษ์ 2 เมตร เกยตื้นหาดบ่อนนท์ อ.ท่าศาลา เมืองคอน